ตร.แถลงปิดคดี ยิงในห้องฉุกเฉิน ชี้โทษหนักถึงขั้นประหาร เจ้าตัวรับทำไปเพราะโมโห
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ความคืบหน้ากรณี บุกยิงคู่อริภายในโรงพยาบาลปากคาด ต่อมา พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา ผกก.สภ.ปากคาด และนายทวี ชินณรงค์ นายอำเภอปากคาด และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี แถลงปิดคดีหลังจับกุมผู้ต้องหา 1.นายบุญญฤทธิ์ หรือบิว พลขันธ์ อายุ 21 ปี มือยิง 2.นายชลิต หรือก้อง แมงไธสง อายุ 20 ปี พาหลบหนี 3.นายประวิทย์ หรือทัช ขันติวงษ์ อายุ 26 ปี ขับรถพาไปก่อเหตุ พร้อมอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ยี่ห้อกล็อก-19 ของเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ทำหล่นหายขณะลาดตระเวนตามแนวชายแดนริมแม่น้ำโขง และได้แจ้งความหายไว้ที่ สภ.ปากคาดเมื่อ 2 เดือนก่อน ถูกนำไปขุดหลุมฝั่งไว้ในป่ายางพารา ท้ายหมู่บ้านโนนเสถียร ม.7 ต.โนนศิลา อ.ปากคาด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น R15 สีดำ ทะเบียน 1กญ 4431 บึงกาฬ ที่ใช้หลบหนี และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟไอ สีดำ-แดง ทะเบียน 1 กฌ 2006 บึงกาฬ ที่ใช้ไปก่อเหตุที่โรงพยาบาล
พล.ต.ต.ธรรมจักร คงมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า คดีสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ พล.ต.ท.ยรรยง เวสโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ที่นำทีมชุดสืบสวนภาค 4 ลงมาติดตามการจับกุมคนร้ายด้วยตัวเอง จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในจังหวัดกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ส่วนการเป้องกันการเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก ทางตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ จะได้เรียกประชุมด่วนหัวหน้าสถานีทุก สภ.เข้าทำความเข้าใจ และการดำเนินการแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ซ้ำขึ้นมาอีก
ส่วนข้อหาในเบื้องต้นตั้งไว้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหลังสอบสวนคดีเสร็จสิ้นก็จะตั้งข้อหาเพิ่มเติม เช่น บุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืน พกพาอาวุธปืนไปในที่ราชการมีและใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ปิดปังซ่อนเร้นพยานหลักฐาน ร่วมกันทะเลาะวิวาท เป็นต้น
ส่วนนายบิว ผู้ก่อเหตุ ได้ขอโทษสังคม ขอโทษญาติผู้ตาย และเจ้าหน้าที่ ทีทำไปเพราะความโมโหโกรธที่ตัวเองถูกทำร้าย และฝากไปถึงคนที่จะทำเหมือนตัวเอง ให้คิดให้ดีอย่าทำเหมือนตัวเองเพราะความผิดมันรุนแรง