IVLคู่แข่งอ่วมขนส่งแพง ฟันมาร์จิ้น-ผลิตเพิ่ม
ทันหุ้น – IVL ลอยตัว ได้ประโยชน์ค่าขนส่งพุ่งไม่หยุด ชี้มีกำลังผลิตในประเทศยุโรป-อเมริกาไม่ต้องนำเข้า แต่ตั้งราคาขายสูงตาม ฟันมาร์จิ้นได้ ขณะที่โรงงานผลิตเอทิลีน รัฐหลุยส์เซียน่ากลับมาเดินเครื่องแล้ว ดันกำลังการผลิตขึ้นสูงเกือบเท่าตัว ชี้ดีมานด์ไลฟ์สไตล์กลับมาเด่น ยานยนต์แรง ชี้เข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตสารลดแรงตึงผิวบราซิลหนุน “อีบิทดา”
นายดีเค อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ Combined PET, IOD และ Fibers บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านโลจิสติกส์และค่าขนส่งทางทะเลที่สูงนั้น ส่งผลดีกับบริษัทในฐานะผู้ผลิตที่มีฐานในประเทศทั้งยุโรปและอเมริกา เนื่องจากคู่แข่งซึ่งเป็นสินค้านำเข้าประสบปัญหาขนส่งทำให้ต้องกำหนดราคาขายสูงขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของบริษัทซึ่งผลิตในประเทศจะสามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้ โดยมีสินค้าถึงสัดส่วน 30% ในอเมริกาและยุโรปที่จะได้รับประโยชน์จากปัญหาขนส่ง
นอกจากนี้ความต้องการผลิตภัณฑ์สินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์และยานยนต์ทั่วโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หนุนจากจำนวนประชากรทั่วโลกที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วกว่า 30%ยังช่วยเสริมด้านปริมาณขายกลุ่มเส้นใยไลฟ์สไตล์ที่เพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่กลุ่มยานยนต์อุปสงค์โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง และจะเติบโตพร้อมกับอุปทานเซมิคอนดักเตอร์ โดยบริษัทโฟกัสตลาดเปลี่ยนยาง ซึ่งบริษัทกำลังเดินหน้าผลิตภัณฑ์รีไซเคิลและชีวภาพในยางรถยนต์และเส้นด้ายถุงลมนิรภัย
@ IVOL เดินเครื่องกำลังผลิตเพิ่ม
สำหรับโรงงานของบริษัท Indorama Ventures Olefins LLC (IVOL) โรงงานผลิตเอทิลีน (Ethylene) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองเวสต์เลค รัฐหลุยส์เซียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งหยุดดำเนินการไปสามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตแครกเกอร์ (Cracker) ตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส 1/2564 ทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพียง 250,000 ตัน ดังนั้นการการกลับมาดำเนินงานของ IVOLในเดือนกันยายน 2564 จะเพิ่มกำลังการผลิตให้กับกลุ่มบริษัทอีก 440,000 ตัน
@ ไม่หวั่นราคาน้ำมันเพิ่ม
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอย่าง PTA และ MEG นั้น จะไม่กระทบกับผลประกอบการ เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์ในการกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ที่ขึ้น ปัจจัยทางการตลาด, ต้นทุนการขนส่ง ด้วย โดยบริษัทได้รับประโยชน์จากการบูรณาการวัตถุดิบและการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ดังนั้น จึงสามารถบริหารจัดการ “ส่วนต่าง” ระหว่างต้นทุน, วัตถุดิบ, และราคาขายในห่วงโซ่อุปทาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
@ ต่อยอดผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ
สำหรับการเข้าซื้อกิจการบริษัท Oxiteno ซึ่งมีธุรกิจปลายน้ำที่สำคัญอย่างการผลิตสารลดแรงตึงผิวในบราซิล เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการผลิตสารลดแรงตึงผิวในบราซิล และส่งออกไปยังเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และทั่วโลก ซึ่งกลุ่มบริษัทมั่นใจว่า กลุ่มบริษัทมีวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ที่จะพัฒนาธุรกิจปลายน้ำให้เติบโต ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น
“บราซิลเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญสำหรับสินค้าชีวภาพ มีการผลิตแอลกอฮอล์จากวัสดุชีวภาพ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสารลดแรงตึงผิวของเรา สำหรับสารเคลือบผิว มีการผลิตตัวทำละลายจากน้ำตาล นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนา หรือ R&D รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นอีกปัจจัยที่จะสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจปลายน้ำ การเข้าซื้อกิจการ Oxiteno จะทำให้ไอวีแอลมีทีมงานด้านเทคนิคเพิ่มขึ้น 340 คน ซึ่งจำนวนมากกว่าทีมงานในธุรกิจ IOD ปัจจุบันถึง 3 เท่า”