ปุ๋ยโบกาฉินั้นมีกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีการคิดค้นโดยศาสตราจารย์ ดร. เทรูโอะ ฮิหงะ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยริสึเมคัง ในช่วงทศวรรษ 1980 โดยได้พัฒนากระบวนการหมักอินทรียวัตถุด้วยจุลินทรีย์ EM โดยใช้กระบวนการหมักแบบแห้ง ปุ๋ยโบกาฉิเป็นปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นโดยใช้จุลินทรีย์ EM เพื่อเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ มีกลิ่นหอมและไม่มีกลิ่นเหม็น พร้อมมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชครบถ้วน ช่วยบำรุงดินให้ร่วนซุย เพิ่มผลผลิต และปลอดภัยต่อพืชและสิ่งแวดล้อมประโยชน์ของโบกาฉิประโยชน์ของโบกาฉิ ได้แก่การช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุรอง และธาตุเสริม ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แข็งแรง และทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชนอกจากนี้ โบกาฉิยังมีประโยชน์อื่น ๆ เช่น ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้ร่วนซุย ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช ลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร และนำมาใช้ในการปลูกไม้ดอก-ไม้ประดับ พืชสวนครัว และพืชผักอินทรีย์ข้อดีของโบกาฉิข้อดีของโบกาฉิ ได้แก่ การใช้เวลาในการหมักน้อยเพียง 10-15 วัน กลิ่นหอมที่ไม่มีกลิ่นเหม็น เป็นปุ๋ยที่ปลอดภัยต่อพืชและมนุษย์ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อพืช โดยมีธาตุอาหารทั้งไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ธาตุรอง และธาตุเสริมสรุปแล้ว "โบกาฉิเป็นปุ๋ยหมักอินทรีย์ที่มีข้อดีหลายประการ เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ต้องการลดต้นทุนการผลิตและสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพดี"อุปกรณ์ / วิธีทำ ปุ๋ยโบกาฉิส่วนผสมกากน้ำตาล 3 ช้อน ใช้ในอัตรส่วน 3 ช้อนแกง ต่อน้ำ 5 ลิตร)หัวเชื้อจุลินทรีย์ EM 3 ช้อน ใช้ในอัตรส่วน 3 ช้อนแกง ต่อน้ำ 5 ลิตร)น้ำเปล้า 5 ลิตรแกรบดิบปุ๋ยคอกรำอ่อนอุปกรณ์บัวรดน้ำอ่างสำหรับผสมพลั้วสำหรับช่วยคลุกกระสอบ สำหรับหมักเชือกมัดปากกระสอบวิธีทำผสมกากน้ำตาล / น้ำตลาล กับหัวเชื้อจุลินทรีย์ EM / ให้ลงในน้ำ ประมาณ 3 - 5 ลิตรผสมปุ๋ยคอก, แกรบดิบ, รำอ่อน ในอัตราส่วน 1 : 1 : 1 โดยผสมปุ๋ยคอกกับแกรบดิบก่อนให้เข้ากัน แล้วรดน้ำลงพอให้มีความชื้นปรพมาณ 40 % คือกำแล้วติดเป็นก้อนแต่ไม่มีน้ำออกา ค่อย ๆ ใส่น้ำ อย่าใส่เยอะเพราะจะเปียกเกินไป (ถ้าเปียกเกินไปให้เพิ่มสวนผสมขึ้น ทุกอย่างให้เท่ากัน)เมื่อปุ๋ยคอกกับแกรบเข้ากันดี ได้ความชื้นที่ 40 % แล้วใส่รำลงไปคลุกเคล้าให้ เมื่อเข้ากันดีแล้วให้ ทดสอบดูว่าได้ความชื้นที่ 40 % หรือไม่โดยการลองกำดู ถ้าไม่ได้ ให้ค่อย ๆ รดน้ำลงไปอีก (ถ้าเปียกเกินไปให้เพิ่มสวนผสมขึ้น ทุกอย่างให้เท่ากันนำส่วนผสมที่ได้เตรียมไว้ ใส่ลงกระสอบ ให้ใส่อย่าเกิน 3 ใน 4 ส่วน ของกระสอบ หรือน้อยกว่าก็ได้ เพราะเราต้องยกกลับด้านทุกวัน และต้องการพื้นที่ให้สวนผสมได้ขยายตัวออก เมื่อใส่ลงเรียบร้อยให้ปิดปากกระสอบด้วยเชือก นำไปไว้ในที่ร่ม ไม่โดนแดด ไม่โดนน้ำให้พลิกกลับด้านทุกวัน เมือพลิกแล้วให้ขึ้นไปยืนเหยียบบนกระสอบ ให้แบน ๆ ในขั้นตอนนี้ 3 - 4 วันแรกส่วนจุลินทรีย์จะทำการย่อยจะเกิดความร้อน สังเกตุดูได้เวลาขึ้นไปเหยียบจะรู้สึกร้อน ถ้าร้อนแปลว่าทำถูกสูตรแล้ว พลิกกลับด้านต่อไปจนครบ 7 วันจะได้ปุ๋ยโบกาฉิที่หอม และเป็นราขาว ๆ (ราดี) สามารถน้ำไปใช้และไว้ขยายเชื้อต่อได้วิธีนำปุ๋ยโบกาฉิไปใช้ "โบกาฉิสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยหมักสำหรับพืชผักได้หลากหลายชนิด เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ พืชสวนครัว เป็นต้น สามารถใช้เป็นปุ๋ยรองพื้นหรือปุ๋ยหมักบำรุงดินก็ได้"ปุ๋ยรองพื้น : ใช้ปุ๋ยโบกาฉิผสมกับดินในอัตราส่วน 1:1 โรยลงบนแปลงปลูกก่อนปลูกพืชปุ๋ยหมักบำรุงดิน : ใช้ปุ๋ยโบกาฉิผสมกับดินในอัตราส่วน 1:5 โรยลงบนแปลงปลูกหลังปลูกพืช(ผักในรูป : ใช้เพียงปุ๋ยโบกาฉิผสมดินปลูก และให้ปุ๋ย 7 วัน / ครั้ง กับ จุลินทรีย์น้ำซาวข้าว 3 วัน / ครั้ง)น้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิน้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิ น้ำที่เกิดจากการหมักโบกาฉิกับน้ำ โดยจุลลินทรีย์ในโบกาฉิจะย่อยสลายอินทรียวัตถุให้เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อพืช เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุรอง น้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิสามารถนำไปใช้เป็นปุ๋ยน้ำสำหรับพืชผักได้หลากหลายชนิด เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ พืชสวนครัว เป็นต้น สามารถใช้เป็นปุ๋ยน้ำบำรุงดินก็ได้ น้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิมีประโยชน์ต่อพืชหลายประการ ดังนี้ช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช น้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชครบถ้วน เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุรอง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี แข็งแรง และทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชช่วยปรับปรุงโครงสร้างดินให้ร่วนซุย น้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุย ระบายน้ำและอากาศได้ดี รากพืชจึงสามารถเจริญเติบโตได้ดีและดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างเต็มที่ช่วยป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช จุลลินทรีย์ในน้ำหมักปุ๋ยโบกาฉิช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืช ทำให้พืชมีสุขภาพดีและทนทานต่อโรคและแมลงศัตรูพืชเครดิต : รูปและบทความจาก kasedindy เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !