รีเซต

สถาบันโรคผิวหนัง อธิบายภาวะผมผลัดทำผมร่วงหนัก หลังติดโควิด

สถาบันโรคผิวหนัง อธิบายภาวะผมผลัดทำผมร่วงหนัก หลังติดโควิด
ข่าวสด
18 พฤศจิกายน 2564 ( 16:38 )
111
สถาบันโรคผิวหนัง อธิบายภาวะผมผลัดทำผมร่วงหนัก หลังติดโควิด

 

สถาบันโรคผิวหนัง ชี้ภาวะผมร่วงหลังการติดเชื้อโควิด 19 ​เกิดจากความเครียด และมีการกระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบซึ่งส่งผลต่อวงจรชีวิตของผม ทำให้วงจรผมมีการเปลี่ยนเร็วกว่าปกติ แนะวิธีรักษาที่ถูก​​

 

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะผมร่วงภายหลังการติดเชื้อโควิด19 ส่วนใหญ่เป็นอาการของโรคผมผลัด โดยผู้ป่วยจะมีอาการผมร่วงทั่วศีรษะมากผิดปกติ มากกว่า 100 เส้น/วันแต่ไม่มากเกิน 50% ของผมทั้งศีรษะในระยะเวลา 2 - 3 เดือน แต่ในบางรายอาจจะเกิดได้เร็วประมาณหนึ่งเดือนครึ่งภายหลังการติดเชื้อ โควิด 19 ซึ่งค่อนข้างเร็วกว่าภาวะผมผลัดจากสาเหตุอื่น พบว่าผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อโควิด 19 เกิดโรคผมผลัดหลังจากการติดเชื้อประมาณ 25% โรคผมผลัดอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น เช่น เกิดภายหลังจากมีภาวะป่วยหนัก มีภาวะเครียดมาก การขาดสารอาหาร เป็นโรคไทรอยด์และการรับประทานยาบางอย่าง ดังนั้น ถ้าผู้ป่วยมีประวัติสาเหตุอื่นร่วมด้วย อาจมีความจำเป็นที่จะต้องแยกสาเหตุอื่นร่วมด้วยโดยการตรวจผมและการตรวจเลือด

 

พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติม ปัจจัยกระตุ้นอื่นนอกเหนือจากภาวะเจ็บป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ควรจะรักษาร่วมด้วย คือ 1. ถ้าผู้ป่วยเกิดภาวะผมร่วงภายหลังจากมีการติดเชื้อโควิด 19 โดยไม่มีปัจจัยอื่น โดยทั่วไป ผู้ป่วยที่มีโรคผมผลัดมักหายได้เองหลังจากสาเหตุหมดไปแล้วประมาณ 2 - 6 เดือน ในกรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคผมผลัดหลังจากการติดเชื้อภายหลังการติดเชื้อ โควิด 19 อาจจะหายได้เร็วกว่าที่ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน

 

2. การพรางผมบาง ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ป่วยดีขึ้นได้ เช่น ทรงผม, การทำสีผมหรือการใส่วิก 3. การรักษาด้วยยาทาไมน็อกซิดิล อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาทา 5% minoxidil solution วันละ1-2 ครั้ง หรือ 2% minoxidil solution วันละ 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นผมให้ขึ้นใหม่ โดยอาจเริ่มใช้ตอนที่ผมเริ่มจะหยุดร่วง การทายานี้อาจทำให้เกิดผมร่วงในช่วงแรกๆที่ใช้ยาได้ และยังไม่จำเป็นต้องทายานี้เสมอไปในโรคผมผลัด เนื่องจากในภาวะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นได้เองหลังสาเหตุกระตุ้นหมดไป

 

ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาที่อาจมีส่วนทำให้ผมร่วง เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูงชนิด Beta blockers, ยารับประทานวิตามินเอและยากันเลือดแข็งตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยา ในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้อยู่แล้วไม่ควรหยุดยาเองควรปรึกษาแพทย์ก่อน และการรับประทานเหล็กและวิตามิน เช่น สังกะสี, ไบโอติน, วิตามินดี ยังไม่ได้มีหลักฐานทางการศึกษาชัดเจนว่าจะมีส่วนช่วยรักษาโรคผมผลัดในผู้ป่วยไม่ได้มีภาวะขาดเหล็กหรือวิตามินดังกล่าว หากอาการผมร่วงไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลา 3-6 เดือน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง