สวัสดีครับเพื่อนๆ นักเขียนชาว TrueID Creator ที่เคารพทุกท่าน เชื่อว่าในขณะนี้ยังคงมีนักเขียนหรือว่าครีเอเตอร์หลายต่อหลายคนกำลังประสบปัญหากับความท้อในการเขียนบทความกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยอดวิวก็น้อย ยอดเงินรางวัลก็ลดลงไม่เป็นไปตามเป้าที่เราวางไว้ มันรู้สึกว่าห่อเหี่ยวใจ ท้อแท้ หมดแรงหมดไฟไม่มีกำลังแรงใจ และมันก็ไม่มีความสุขอย่างมากจริงๆ จนแทบจะวางมือไม่อยากที่จะเขียนบทความต่ออีกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าตัวผู้เขียนเองก็เป็นในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ใครที่เจอกับปัญหานี้งั้นในเนื้อหานี้ผู้เขียนจะมาแชร์ถึง 10 วิธีการที่จะทำให้เรานั้นมีความสุขกับการเขียนบทความ TrueID Creator ในแบบของตัวเราเองมาฝากกันครับ ส่วนจะมีอะไรกันบ้างไปตามอ่านกันเลยครับ 1. อย่าไปคาดหวังกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ SEO ยอดวิว ยอดคนติดตาม หรือยอดเงินประจำสัปดาห์ ทั้งหมดนี้เราไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ ถึงแม้ในบางครั้งเรายิ่งพยายามอ้อนวอนให้คนเข้ามาอ่านบทความของเรามากเท่าไหร่ก็ใช่ว่าคนที่เข้ามาอ่านจะเยอะเสมอไป เพราะคนเรามีสิทธิ์ที่จะชอบอะไรแตกต่างกันเราไม่อาจไปบังคับใครเขาได้ มันก็เลยไม่แปลกที่ยอดวิวบทความที่เราเขียนบางเรื่องมันจะน้อย ดังนั้นการที่เราจะเขียนบทความให้มีความสุขได้นั้นเราจงอย่าไปคาดหวังถึงสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ เพราะถ้าคาดหวังมากเกินไปจะทำให้ตัวเราเกิดอาการท้อ หมดกำลังใจ และยิ่งผิดหวังมากขึ้นอีกด้วย 2. เขียนในเรื่องที่ตัวเองถนัดบางคนชอบหนังบ้าง ซีรีส์บ้าง เพลงบ้าง การท่องเที่ยวบ้าง อาหารบ้าง หรือเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่คิดว่าถนัดที่สุด เราคิดว่าเราถนัดเขียนบทความในเรื่องไหนแนวไหนก็เขียนลงไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปตามคนอื่นเลย แน่นอนว่าความชอบหรือความถนัดของคนเรามันไม่ได้มีเหมือนกันหมดเสมอไป ของแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ อยากจะเขียนเรื่องไหนแนวไหนก็ลุยไปเลย มันเป็นความสุขของเราเองไม่ใช่ของใครทั้งนั้น 3. โฟกัสที่เป้าหมายของตัวเองในการเขียนบทความในแต่ละครั้งนั้น เราอย่าได้จดจ่ออยู่กับยอดวิวและยอดเงินที่น้อยให้บ่อยจนเกินไป เพราะยิ่งเราโฟกัสกับมันมากเท่าไหร่ใจเราก็จะยิ่งท้อ หมดแรง สิ้นหวัง ไม่มีกำลังใจ ในที่นี้ขอให้เรานึกถึงเป้าหมายที่จะไปถึงในอนาคต อย่างเช่นเรามีเป้าหมายว่าจะทำยอดวิวรวมให้ทะลุเกินหลักแสนในปีนี้ให้ได้ หรือเราอาจจะเตรียมเนื้อหาที่จะเขียนในครั้งต่อไป หรือไม่เราอาจจะเก็บสะสมเงินที่ได้จากการเขียนบทความนี้ให้ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการเพื่อซื้อสิ่งที่เราอยากได้จริงๆ ในอนาคตเป็นต้น เป้าหมายจะบรรลุหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะทำได้หรือไม่ จงโฟกัสกับมันแล้วพยายามทำให้ได้ล่ะ 4. เขียนในเวอร์ชันที่เป็นตัวเองบทความมันมีเยอะแยะมากมายก่ายกอง หลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ เราไม่จำเป็นต้องเขียนให้เหมือนกับของคนอื่นก็ได้ เขียนในเรื่องที่เราในเวอร์ชันที่เป็นตัวของเราเองนี่แหละดีที่สุด อย่าไปก็อปหรือคัดลอกผลงานของคนอื่นมาแบบหน้าด้านๆ เราอาจจะไปดูตัวอย่างมาจากแหล่งอื่นๆ แล้วนำมาเขียนสรุปคร่าวๆ ในแบบฉบับของตัวเองได้เช่นกัน แค่เขียนออกมายังไงก็ได้ให้คนอื่นเข้าใจว่าเราสื่อถึงอะไรก็พอ 5. ลองเขียนเรื่องอื่นดูบ้างก็ดีนะบทความเรื่องเดิมๆ แนวเดิมๆ ที่เราเขียนบางทีมันอาจจะไม่ค่อยตอบโจทย์สำหรับผู้อ่านหลายๆ คน แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนมาทำเรื่องอื่นๆ หรือว่าแนวอื่นๆ ดูบ้างไม่แน่เผื่อว่าคนอ่านอาจจะเข้ามาอ่านได้ไม่มากก็น้อย มันดูไม่ค่อยซ้ำซากจำเจน่าเบื่อ อย่างน้อยๆ เรายังได้ท้าทายตัวเองไปอีกขั้นหนึ่ง ได้เขียนในเรื่องที่เราไม่ถนัด ได้เขียนอะไรที่มันหลากหลายขึ้น ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ดูก่อน เป็นการฝึกฝนไปในตัว 6. ทำผลงานออกมาให้เต็มที่ไม่ว่าผลงานบทความที่เราเขียนมันจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม ยอดวิวจะมากหรือน้อยไม่สำคัญ ขอแค่เราได้ตระหนักไว้เสมอว่าเรานั้นทำผลงานออกมาได้เต็มที่ที่สุดในแบบของเราแล้ว ถึงใครเขาจะมองว่าผลงานของเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ก็อย่าได้ไปใส่ใจให้มาก ถ้ารู้ว่าบทความแนวไหนที่เราเขียนมันยังไม่ดีพอเราก็ค่อยๆ ลองปรับเปลี่ยนค่อยๆ พัฒนามันออกมาให้เต็มที่ที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง เมื่อเราทำเต็มที่แล้วเราก็จะภาคภูมิใจไปกับมันด้วยเช่นกัน 7. พยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆเขาว่ากันว่า "ท้อได้แต่อย่าถอย" ถึงแม้ว่าบทความที่เราเขียนนั้นยอดวิวมันจะน้อยก็เถอะ แต่ถ้าเรามีใจที่รักและอยากเขียนบทความจริงๆ เราก็ต้องพยายามเขียนต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งมีเวลาว่างมาก มีคอนเทนต์เจ๋งๆ เราก็จะยิ่งมีเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานบทความเรียกยอดวิวแบบปังๆ ได้เยอะมากเลย แถมยังสร้างรายได้เสริมไปในตัวอีกด้วยเช่นกัน 8. มองโลกในแง่บวกเข้าไว้บทความที่เราเขียนออกมาแต่ละเรื่องแต่ละแนวถึงแม้ว่าในบางครั้งยอดวิวมันจะน้อยก็ตาม แต่ก็จงคิดเสียว่าเราเขียนเพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่านทุกคน เราเขียนเพื่อต้องการสร้างรายได้ เราเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวว่าที่ผ่านมาเราได้เจอกับอะไรบ้าง เราเขียนเพื่อเป็นการระบายสิ่งที่มันอัดอั้นตันใจมาเป็นเวลานานผ่านบทความนั้นๆ เราควรที่จะมองบทความของเราในแง่บวกเข้าไว้ ไม่ควรไปโฟกัสที่ข้อเสียบ่อยจนเกินไป เพราะนอกจากเราจะไม่มีกำลังแรงใจจะเขียนบทความแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจของเราอีกด้วย ดังนั้นขอให้นึกถึงแต่ข้อดีแล้วจะมีความสุขกับบทความมากขึ้น 9. ทำเท่าที่ไหวไม่ควรหักโหมงานเขียนบทความก็ว่าสำคัญแล้วแต่สุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ยิ่งถ้าหากเราเอาแต่เขียนทุกวี่ทุกวันแล้วร่างกายแทบไม่ได้มีการพักผ่อนเลยมันจะเกิดผลเสียได้เช่นกัน ก็เข้าใจดีนะว่าอยากมีรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่มมากขึ้นแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร่างกายก็ไม่ควรหักโหมจนเกินไป มันควรที่จะได้รับการพักผ่อนบ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี หยุดเขียนไปสักพักหนึ่งแล้วไปทำในสิ่งอื่นๆ ที่เราชอบเช่นดูหนัง, ฟังเพลง, อ่านหนังสือ, เล่นเกม ฯลฯ เพื่อเป็นการที่เราได้พักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจไม่ให้เกิดความเครียด เมื่อเราได้ชาร์จแบตให้กับตัวเองเต็มได้ที่แล้วเราก็กลับมาเขียนงานต่อได้อย่างสบายๆ 10. ไม่ควรเปรียบเทียบมากเกินไปเห็นผลงานบทความของคนอื่นๆ เขายอดวิวเยอะๆ ปังๆ แล้วเราเองก็รู้สึกท้อใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมเราถึงทำไม่ได้อย่างเขากันนะ ถ้าหากใครที่เป็นในลักษณะนี้บอกเลยว่าตัวเราเองก็ไม่ได้ต่างกัน แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราจะเลิกเปรียบเทียบงานของคนอื่นว่าใครดีกว่ากัน ไม่มีใครที่ดีและก็สมบูรณ์แบบไปซะหมดทุกอย่างหรอกนะ ทุกคนที่เขามาถึงจุดจุดนั้นได้เขาเองก็คงต้องพยายามเหมือนกับเรา ดังนั้นอย่าได้เปรียบเทียบว่าใครดีกว่าใครเด็ดขาด ยิ่งเราเปรียบเทียบมากก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น จงทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดในแบบของเรา ของคนอื่นจะเป็นยังไงไม่ต้องไปใส่ใจ ใส่ใจแค่ผลงานของเราก็พอ แชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนในช่วงระยะเวลาแรกๆ ที่ผู้เขียนได้เข้ามาเป็นสมาชิกกับ True ID ผู้เขียนก็พยายามลองผิดลองถูกมาตลอดจนกระทั่งบทความได้ผ่านการอนุมัติ ซึ่งในตอนนั้นผู้เขียนคิดได้แค่ว่าแค่บทความได้ผ่านการอนุมัติก็รู้สึกดีใจมากแล้ว และตั้งแต่วันแรกจนมาถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นเวลา 1 ปีกว่าแล้วผู้เขียนก็ยังคงเขียนมาตลอดอยู่เรื่อยๆ ได้สร้างสรรค์ผลงาน พัฒนาผลงาน ลองผิดลองถูกมาตั้งมากมาย ก็มีอันที่ยอดวิวปังบ้างและน้อยบ้างไม่ถึงหลัก 100 วิวก็มีเยอะเหมือนกัน ผู้เขียนก็ไม่ได้คาดหวังในเรื่องของ SEO มากมายนักเพราะมันเป็นไปได้ยากมากที่บทความของเราจะติด Top Search บน Google ขอแค่ให้มีคนกดเข้ามาอ่านบทความของเราบ้างก็พอไม่มากก็น้อยหรือถ้ากดเข้ามาอ่านเยอะๆ ให้ทะลุหลัก 100 จะดีมากๆ แต่ก็ยอมรับเลยว่าในบางครั้งมันก็เริ่มท้อ เริ่มหมดไฟจนแทบจะวางมือไม่อยากที่จะเขียนบทความต่อไปแล้ว แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนได้ไปปรึกษาพี่คนหนึ่งที่เขาเป็นครีเอเตอร์ระดับท็อป โดยเขาก็ได้ให้คำแนะนำมาหลายๆ อย่างและก็ยังได้ให้กำลังใจแก่กันและกันอีกด้วย จนผู้เขียนเริ่มกำลังใจในการทำผลงานอีกต่อๆ ไป ผู้เขียนก็ได้รู้ถึงเหตุผลที่ว่าทำไมถึงท้อนั่นก็เป็นเพราะว่าเรามัวแต่โฟกัสที่ยอดวิวหรือยอดเงินเพียงอย่างเดียว จนเราไม่ได้โฟกัสที่ผลงานหรือเป้าหมายเลย และบางครั้งก็ไปเห็นผลงานของคนอื่นๆ ที่เขามียอดวิวเยอะๆ ปังๆ ก็เลยเกิดการเปรียบเทียบ ซึ่งก็คิดในใจว่า "ของเขายอดวิวเยอะแล้วทำไมของเรามันน้อยจัง เราคงทำไม่ได้อย่างเขาแน่" ยอมรับว่ามันก็น้อยเนื้อต่ำใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่พอผู้เขียนได้มาลองใช้วิธีทั้ง 10 ข้อตามที่กล่าวไปผลปรากฏว่าดีขึ้นในระดับหนึ่งเลย ถึงจะมีท้ออยู่บ้างแต่ก็ไม่เคยคิดที่จะถอยอย่างแน่นอน พยายามที่จะสร้างสรรค์ผลงาน เน้นคีย์เวิร์ดหรือใจความสำคัญหลักๆ ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น พยายามไม่โฟกัสที่ยอดวิวหรือยอดเงินรางวัล (หรืออาจจะโฟกัสให้น้อยลง) เพราะถ้ายิ่งโฟกัสกับมันนานๆ มันก็ยิ่งท้อขึ้นไปอีก แล้วหันมาโฟกัสที่ผลงานของตัวเองให้มากขึ้นและทำให้เต็มที่ที่สุดในแบบของเรา และนี่ก็เป็นประสบการณ์แบบคร่าวๆ ที่ผู้เขียนได้มาแชร์ในวันนี้เป็นยังไงกันบ้างครับกับเนื้อหาที่ได้นำเสนอไป เพื่อนๆ นักเขียนก็ลองนำวิธีการเหล่านี้ที่ผู้เขียนได้กล่าวไปทั้งหมดไปลองปรับใช้กับการเขียนบทความกันดูนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆ นักเขียนทุกคนได้ไม่มากก็น้อย หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขไปกับการเขียนบทความนะครับ ขอบคุณมากครับ... เครดิตรูปภาพหน้าปกจากเว็บไซต์ : Freepik.comภาพหน้าปก : freepikเครดิตรูปภาพประกอบเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์ : Freepik.comภาพที่ 1 : nakaridoreภาพที่ 2 : cookie_studioภาพที่ 3 & ภาพที่ 4 : freepikภาพที่ 5 & ภาพสุดท้าย : tirachardz เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !