วัคซีนโควิด เป็นเรื่องสำคัญมากในขณะนี้ จากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2020 และปัจจุบันปี 2021 การระบาดของโรคก็ยังไม่ลดลง เชื้อยังคงแพร่กระจายและขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้นทุกวันและยอดผู้ป่วยสะสมก็แทบจะไม่ลดลงเลย เพื่อเป็นแนวทางในการลดจำนวนการติดเชื้อรายใหม่ ทางการแพทย์จึงได้มีการคิดค้น และผลิตวัคซีน เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ออกมามากมายหลายชนิด มีทั้งแบบที่ฉีดแล้วมีประสิทธิภาพการป้องกันเกือบ 100% และแบบที่ฉีดแล้วมีประสิทธิภาพการป้องกันเพียง 50% ทั้งนี้อยู่ที่ความแข็งแรงและสุขภาพของแต่ละบุคคลด้วย ภาพโดย : ผู้เขียน วันนี้เราเลยจะมาแชร์เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนค่ะ ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนของน้าเราเองค่ะ ซึ่งจะมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไร และมีอาการแบบไหนหลังฉีด เราไปดูกันเลยค่ะ ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่าน้าเราไม่ได้จองการฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง 7 โรค คือโรคไต (นิ่ว) จึงสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตามวันเวลาและสถานที่ ตามที่ทางกลุ่มประชาสัมพันธ์หมู่บ้านแจ้งค่ะ ซึ่งน้าเราได้รับการนัดฉีดวัคซีน-19 วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 ที่ศาลาอเนกประสงค์ของอบต.แถวบ้านค่ะ การเตรียมตัวก่อนที่น้าเราจะไปฉีดวัคซีน ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมของร่างกายโดยการลางาน 2 วันก่อนไปฉีดเพื่อพักร่างกาย นอนหลับพักผ่อนแต่หัวค่ำ และก็หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ ชา และแอลกอฮอล์ ซึ่งเมื่อถึงวันนัดฉีดวัคซีนน้าเราต้องกรอกข้อมูลในใบคัดกรองและใบยินยอมรับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วถึงจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งวัคซีนเข็มแรกที่น้าเราจะได้รับการฉีดคือ AstraZeneca หลังจากที่ฉีด ก็ได้นั่งพักดูอาการประมาณ 30 นาที ซึ่งไม่มีอาการอะไรผิดปกติ น้าเราก็กลับบ้านค่ะ อาการหลังจากการฉีดวัคซีนในคืนนั้นน้าเราก็มีอาการไข้ ปวดหัว และเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเล็กน้อย จึงกินยาพาราแก้ปวดลดไข้ และก็พักผ่อนร่างกายอีก 2 วัน ก็สามารถกลับมาทำงานได้ปกติค่ะ และก็รอฉีดเข็มที่ 2 ตามที่ใบนัดกำหนดค่ะ ภาพโดย : JFCfilms จาก Pixabay การฉีดวัคซีนอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากกลัวความเสี่ยงที่เกิดกับชีวิตและร่างกาย แต่ถ้าเราศึกษาหาข้อมูลหรือปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสภาวะร่างกายของเราควรรับวัคซีนชนิดไหน ก็อาจจะช่วยให้เราลดความกลัวและความกังวลของเราลงได้ภาพโดย : tonywuphotography จาก Pixabay อย่างไรก็ตามแต่เราทุกคนควรฉีดวัคซีนให้ครบเพื่อเป็นการป้องการการติดเชื้อและลดการติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม และในตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนที่ป้องกันโรคได้ 100% แต่จะลดอัตราการเสียชีวิตได้ ดังนั้น ถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องระวังการติดเชื้อ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างเหมือนเดิม เพื่อความปลอดภัยทั้งตนเองและผู้อื่น ภาพปกโดย : ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !