จูนเป็นคนนึงที่ได้มีโอกาสเดินในเส้นทางของการเยียวยาตัวเอง จูนเรียกว่า Self-Healing Journey แน่นอนว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะเป็นจูนในทุกวันนี้ เราเลยตัดสินใจนำสิ่งที่เราได้จากการเติบโต มาแชร์เผื่อว่าจะมีคนต้องการและได้ประโยชน์จากมันจริงๆ ให้เป็นไดอารี่ที่ทุกคน(และเรา)สามารถเข้ามาอ่านได้ตลอดเวลา ^^ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราทุกคน ต่างถูกโปรแกรมไว้ว่า เราต้องได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างเพื่อความอยู่รอด ซึ่งถูกฝังในดีเอ็นเอของมนุษย์มาอย่างช้านาน แต่ถ้าสังคมรอบข้างใจร้ายกับเราละ เราจะทำอย่างไร หรือเราพบว่าตัวตนของเราช่างแตกต่างและไม่เหมาะกับสังคมรอบด้านเท่าไหร่ ใครจะคอยซัพพอร์ทและเป็นกำลังใจให้เราได้ คำตอบก็คือ สุดท้ายเราก็มีเพียงตัวเรา อาจฟังดูโดดเดี่ยว แต่ถ้าสำหรับคนที่เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากๆ เค้าจะสามารถอยู่คนเดียวได้ในทุกสถานการณ์ (แต่คอนเนคชั่นและความสัมพันธ์ที่ดีก็ยังจำเป็นอยู่) เพื่อฝึกการเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเอง สิ่งที่เราสามารถทำได้เลยคือ1.เข้าใจตัวเองมากๆอย่างจูนเองที่ค่อนข้างมีอารมณ์ไม่มั่นคง ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะรู้ตัวว่า เราปล่อยให้คนรอบข้างและสถานการณ์รอบข้างเข้ามามีอิทธิพลกับความรู้สึกและตัวตนของเรามากเกินไป จนกลายเป็นคนที่ชอบหลีกหนี (avoidant) จากสังคม เพราะเรารู้สึกถูกทำร้ายหรือกระทบจิตใจได้ง่ายมากจากคำพูดไม่กี่คำ จากสีหน้าเล็กๆน้อยๆ จริงๆแล้วมันมาจากมายเซทหรือความเชื่อที่เราเผลอยึดติดไว้ ให้สังเกตว่าอารมณ์เหล่านี้มาจากไหน 'ตั้งคำถาม' ตัวเองบ่อยๆว่าทำไมเราถึงรู้สึกอย่างนี้ สำหรับจูนเอง มักจะเขียนเป็นภาพคล้ายมายแมพที่จะเชื่อมทุกอย่างเอาไว้ และนี่คือภาพตัวอย่างค่ามีสิ่งหนึ่งที่เราสังเกตเห็นจากการพูดคุยกับตัวเองบ่อยๆคือ 'ความคิด' บางทีก็เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้เลย ความคิดเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ก็จริง แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ความคิดสร้างเราได้ แล้วก็ทำลาย(ร้าย)เราได้เหมือนกัน สังเกตรูปแบบความคิด รวมถึงความเชื่อที่ฝังหัวเรามาให้ได้มากที่สุด เมื่อจิตเราฉลาดและตามทันสิ่งที่อยู่ในหัว เราจะรู้ได้เองว่าต้องปรับตัวอย่างไร2.ทำสัญญาใจกับตัวเองข้อนี้แวบแรกอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของจูนเลย ในวันที่เรารู้สึกหลงทางและทุกข์กับชีวิตตัวเองมากๆ ชีวิตไม่ได้ใจดีกับเราเสมอไป เราอยู่ในโหมดเครียดหรือโหมด survival และรู้สึกโดดเดี่ยวมากๆ ไม่มีใครช่วยเราได้ จนเราเริ่มค่อยๆยอมรับสถานการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้น และบอกกับตัวเองว่า 'เราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเอง' ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่เคียงข้างตัวเอง ทั้งทุกข์และสุข ต่อให้ไม่มีใครเห็นด้วยกับตัวตนของเราในตอนนี้ เรานี่แหละจะคอยเป็นกำลังใจและดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ก็พอแล้ว3. เราจะไม่เป็นอะไร และเดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปเราอาจคิดว่าเราต้องรู้สึกแย่กับการมีจุดด้อยหรือความไม่เก่ง หรือเพราะมีคนกลุ่มนึงไม่ชอบอะไรบางอย่างในตัวเรา แต่ถ้าเราทำอะไรกับมันไม่ได้แล้วเราควรต้องรู้สึกแย่กับมันต่อไหม? เวลาจูนรู้สึกแย่กับตัวเอง ซึ่งอาจมาจากสิ่งภายนอกที่เราไม่สามารถบังคับมันได้ 100% จูนจะปล่อยให้ตัวเองรู้สึกทุกอย่างอย่างเต็มที่ แต่พอถึงจุดนึง ถ้าเราเลือกเศร้าหรือกังวลต่อไป นอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว เรายิ่งสุขใจกับตัวตนของเราได้น้อยลง จูนจะบอกตัวเองเสมอว่า ไม่เป็นไรถ้าเรายังไม่เก่งพอ ไม่เป็นไรถ้าเค้าจะไม่ชอบเรา ไม่เป็นไรถ้าเรายังเป็นคน.... เราจะพยายามและเดินไปด้วยความเร็วและจังหวะที่เรารับไหว เพราะเราทำได้เท่านี้ 'การรู้ลิมิตตัวเอง' เป็นพื้นฐานสำคัญมากๆ เพราะบางคนไม่รู้หรือไม่สนใจลิมิตของตัวเองมากพอ จนรับภาระทั้งทางร่างกายและจิตใจ และจะเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแน่นอนค่ะ ลองอนุญาตให้ตัวเองได้มีวันที่ดีและแย่ และไม่จำเป็นต้องเอาบรรทัดฐานหรือแนวคิดของคนอื่นหรือคนกลุ่มนึงมาครอบตัวตนของเราไว้ ถ้าเราจะแหกกฏบ้าง (อันนี้ขอให้ใช้วิจารณญาณนะคะ555) เพราะชีวิตไม่มีใครบอกหรือมีสิทธิ์ตัดสินว่าอะไรถูกผิดจริงๆ ทุกคนต่างมีเฉดสีที่แตกต่างกัน มีเงามืดและแสงสว่างอยู่ในตัว ถ้าทำได้ จะเริ่มสังเกตว่าทุกครั้งที่เราเริ่มจะกดดันตัวเอง จะมีอีกเสียงที่เหมือนเป็นเพื่อนคอยเตือนสติเราเสมอ ขอให้ทุกคนโชคดีในเส้นทางการเยียวยาตัวเองนี้ เหนื่อยก็พัก ตั้งหลักได้แล้วก็ไปต่อจ้า เป็นบทความแรกของจูนเลยน้า แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ค่ะ บทความของเราจะเป็นแนว Healing หรือ เยียวยาตัวเองน้า บอกเลยว่ามีอะไรที่อยากมาเล่าเยอะมากๆๆๆ ฝากติดตามกันด้วยน้า ^^ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !