การปฏิบัติธรรมด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม หลักสำคัญอย่างหนึ่งก็คือสติปัฏฐาน 4 เหตุผลของการปฏิบัติก็เพื่อการพ้นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ภายนอกหรือทุกข์ภายในใจ แม้แต่อิริยาบถธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องปรับเปลี่ยนเป็นประจำก็เพื่อหลบพ้นทุกข์จากความเมื่อย พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนโท ได้นำหลักสติปัฏฐาน 4 ที่ถ่ายทอดไว้ในเล่มนี้มาให้ศึกษา โดยครีเอเตอร์มีความสนใจศึกษาธรรมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้ลองอ่านเพื่อหาทางพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้บ้าง นั่นคือ มรรคผลนิพพาน ความรู้ความประทับใจที่ได้ภายในเล่มได้เรียนรู้ว่ากายานุปัสสนา คือพิจารณาว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวตนเรา เขา ร่างกายเราสักแต่เป็นธาตุทั้ง 4 ยกธาตุดินขึ้นมาก่อน (ธาตุดินคือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ อวัยวะภายใน) ว่ามันมีสี กลิ่นเป็นอย่างไร ถ้าไม่อาน้ำคงเหม็นสาบทำนองนี้ ตามด้วยธาตุน้ำ คือ น้ำลาย เหงื่อ น้ำมูก น้ำตา เลือด ฯลฯ ใช้สัญญาจดจำว่ามีสี กลิ่นอย่างไร แล้วยกธาตุลมที่ไหลเวียนในร่างกายที่หายใจเข้าออก แล้วยกธาตุไฟที่ให้ความร้อนในร่างกายขึ้นมา (ร่างกายปกติมีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส) พิจารณาว่ากายนี้เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ก่อนแล้ว เราตายก็เอาธาตุทั้ง 4 ไม่ได้ กายนี้เป็นแค่ธาตุธรรมชาติเท่านั้น ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเขา ได้เรียนรู้ว่าเวทนานุปัสสนา พิจารณาจากสิ่งที่รบกวนทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วดูว่ามันสุขทางกาย ทุกข์ทางกาย เฉยๆทางกาย หรือสุขทางใจ ทุกข์ทางใจ เฉยๆทางใจ ได้เรียนรู้ว่าจิตตานุปัสสนา คือพิจารณาอาการของจิตเห็นความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว เฉยๆ เกิดขึ้นได้ 4 ทางทางเวทนา : ความรู้สึกทางสัญญา : จำได้ว่านั่นทำให้สุข ทุกข์ เฉยๆทางสังขาร : ความคิดปรุงแต่งถึงความจำ (สัญญา)ทางวิญญาณ : รับรู้ความคิดปรุงแต่งและสัญญา ได้เรียนรู้ว่าอาการของจิตคืออวิชชา อวิชชาคืออุปกิเลส อุปกิเลสคือขันธ์ห้า (ร่างกาย) ถ้าจิตถอนตัวออกจากความยึดมั่นในตัวขันธ์ ความเศร้าหมองของจิตจะไม่มีอีกเลย ได้เรียนรู้ว่าธรรมานุปัสสนา คือพิจารณาให้เห็น 3 สภาวะ คือ กุศลธรรม อกุศลธรรม อัพยากตธรรม (ไม่เป็นทั้งกุศลและอกุศล) ได้เรียนรู้ว่าการปฏิบัติให้รู้ขันธ์ 5 อย่างเดียว ดูความพอใจ/ไม่พอใจ ที่เกิดแล้วดับ ดูภายในกาย อย่าไปดูนอกกาย มันจะหลง ดูถึงความไม่เที่ยงซ้ำซากเช่นนี้แล้วจะเข้าใจไม่ทรมานกับทุกข์ที่กระทบใจอีก ปฏิบัติบ่อยๆจะซึมซับไปเรื่อยๆ ได้เรียนรู้ว่าบางคนดูลมหายใจแล้วอึดอัด เพราะเกร็ง บังคับลมหายใจ ลมหายใจเป็นธรรมชาติที่เราไม่ต้องไปบังคับ ทำความรู้สึกเหมือนเรานอนหลับ เรามีหน้าที่รู้ลมหายใจที่เข้าออก แต่ไม่ได้มีหน้าที่เป็นผู้บังคับลมหายใจ การทำสมาธิลักษณะนี้ เรียกว่า สมถะ บางครั้งลมหายใจมันหายไป ก็ไม่ต้องหายใจแรงขึ้น แต่เพราะว่าจิตของเรารวมลงสู่ความเป็นสมาธิ ซึ่งละเอียดกว่าลม แต่ก็ยังรับรู้ว่าลมเข้า ลมออกอยู่ เพื่อให้เกิดความสงบ ปีติ และอาศัยปัญญา ยกเข้าสู่วิปัสสนา ได้เรียนรู้ว่าทำกรรมฐานให้ได้โสดาบัน รูปกายไม่เที่ยง ตายไปกลายไปลงสู่ดิน ที่ที่เราบริโภคเนื้อ ผัก น้ำ ล้วนมาจากดิน ตายไปก็เป็นดิน ได้เรียนรู้ว่าทำกรรมฐานให้ได้สกทาคามี พิจารณากามคุณทั้ง 5 ให้ผลชอบใจ ไม่ชอบใจอย่าไปยึด ละมันได้ ต้องเห็นความเป็นโทษบ่อยๆ ได้แก่...รูป : สวย ไม่สวย (อสุภะ)เสียง : ไพเราะใจฟูหรือหนวกหูกลิ่น : หอมหรือเหม็นรส : อร่อยหรือไม่อร่อยโผฏฐัพพะ : สัมผัสที่กระทบร่างกาย สบาย ไม่สบาย เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ได้เรียนรู้ว่าทำกรรมฐานให้ได้อนาคามี เห็นความพอใจเป็นโทษ ไม่พอใจเป็นโทษ โทสะราคะไม่น่ายึดไว้ จึงปล่อยวางได้ การวางทุกข์เพราะรูป เสียง กลิ่น รสได้ ก็ไม่ทุกข์เพราะกามคุณทั้ง 5 อีก พระอนาคามีเกิดจากตรงนี้ ชาติสุดท้ายคือสำเร็จอรหันต์บนพรหมโลก ได้เรียนรู้ว่าดับความยึดมั่นถือมั่น อุปาทานในกายก็เป็นโสดาบัน ดับอุปาทานเบาบางในรูป รส เสียง กลิ่น รส เป็นสกทาคามี ดับกามคุณทั้งปวงได้เป็นพระอนาคามี โสดาบันเป็นง่ายมาก เพียงพิจารณาให้เห็นความเป็นธาตุและจิตยอมรับจริงๆแล้วมันจะปล่อยวาง ไม่เห็นว่ากายนี้เป็นของเรา ได้เรียนรู้ว่าทำกรรมฐานให้ได้อรหันต์ พิจารณาสภาวะความเป็นจริงว่ารูปนามขันธ์ 5 นี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน จะสามารถปล่อยวางไม่ทุกข์เพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น เป็นพระอรหันต์ทันที หากมันยังยึดอยู่ ก็จงพิจารณาซ้ำๆไปจนจิตไม่เอาแล้ว เกิดนิพพิทาญาณ คือความเบื่อหน่ายที่เรายึดมั่นถือมั่นว่ากายนี้เป็นตัวตน ได้เรียนรู้ว่าเวลาสุขก็สุขจริง เวลาทุกข์ก็ทุกข์จริง แต่มันเป็นของสมมติ มันไม่เที่ยง มันจึงไม่ใช่ตัวตน ขอแค่ละสุขตัวเดียว ทุกข์ดับหมด ยอมรับความจริงว่าโลกนี้มีแต่กองทุกข์ ไม่ทะยานหาสุขที่ยังมาไม่ถึง เราก็จะพ้นจากโลกนี้ เพราะเกิดนิพพิทาญาณ คือ ความเบื่อหน่ายในกองรูปนามขันธ์ 5 และปล่อยวางเสีย การเข้าถึงธรรมแต่ละคนใช้เวลาไม่เท่ากัน แม้แต่ตัวครีเอเตอร์ก็ไม่แน่ใจว่าที่เจริญสติอยู่ทุกวันนี้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน กิเลสในใจ อัตตาตัวตน มันมีขึ้นมีลง เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ไม่ใช่ว่าละกิเลสได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเที่ยงแท้ถาวร ผลลัพธ์ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตส่วนตัวก็คงที่ ไม่ได้มีอะไรเติบโตอย่างมีนัยชัดเจน แต่กระนั้นการได้เกิดเป็นมนุษย์ที่ได้มารู้จักกับพุทธศาสนาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากได้ศึกษาและปฏิบัติตามบ้างก็อาจมีโอกาสถึงพระนิพพานได้บ้าง ยอมรับว่าหนังสือเล่มนี้ใช้ภาษาพระทำให้ตีความทำความเข้าใจแล้วรู้สึกมึนงงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความพยายามครับ ครีเอเตอร์อาศัยเวลาอ่านสองครั้ง กอปรกับฟังผู้รู้ท่านอื่นๆอย่างทันตแพทย์สม สุจีรา และดังตฤณ ก็ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาดังกล่าวและปรับใช้ในการนั่งสมาธิและเดินจงกรมภาวนาได้ถูกต้องมากขึ้น เครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย jcomp จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ตำนานพระพุทธเจ้ารีวิวหนังสือ ศาสนาแห่งจักรวาล โดย ทันตแพทย์สม สุจีรารีวิวหนังสือ สัจธรรมแห่งจักรวาล โดย ทันตแพทย์สม สุจีรารีวิวหนังสือ บรรลุธรรมได้ ไม่ติดรูปแบบรีวิวหนังสือ ถ้ารู้...(กู)...ไม่ทำ โดย ณัฐพบธรรม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !