“ ชอบบงการ มีระบบลูกรัก เล่นพรรคเล่นพวก สร้างความแตกแยก …. นั่นเหรอ คือ หัวหน้า ” หลายองค์กร อุปสรรคที่ทำให้การทำงานไร้ประสิทธิภาพ ไม่ได้มาจากภาระงานหรือทรัพยากรที่จำกัดเพียงอย่างเดียว แต่กลับมาจาก “คนที่เป็นหัวหน้า” ซึ่งใช้ตำแหน่งอย่างไม่สร้างสรรค์ จนบรรยากาศการทำงานกลายเป็นพิษ พวกเขามีลักษณะอย่างไร ส่งผลเสียต่อองค์กรอย่างไร อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางจิตเวชแบบไหน มีปมในวัยเด็กอะไร และเราจะรับมืออย่างไรให้ไม่เสียทั้งงานและสุขภาพจิต บทความนี้มีคำตอบ ลักษณะของหัวหน้าประเภทนี้ ชอบเผด็จการ / ชอบบังคับ (Authoritarian) ควบคุมรายละเอียดทุกอย่าง สั่งให้ทำทุกอย่างตามที่ตนคิด มองว่าตนเองต้องมีอำนาจสูงสุด ไม่ยอมรับความคิดเห็นที่ต่างจากตน ไม่เปิดโอกาสให้ลูกน้องเสนอความคิดเห็น เหมือนทุกคนต้องเป็นมือและขาของเขา ชอบเล่นพรรคเล่นพวก (Favoritism) มีระบบลูกรัก ลูกรักได้โอกาสมากกว่าความสามารถจริง ให้โอกาสและเลื่อนตำแหน่งแก่คนใกล้ชิดโดยไม่สนผลงานจริง ใช้ตำแหน่งเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิด เอาลูกรักขึ้นเป็นหัวหน้าข้ามรุ่น สร้างความไม่ยุติธรรมในองค์กร ใช้เล่ห์กลเพื่อประโยชน์ส่วนตัว (Machiavellianism) สร้างภาพลักษณ์เกินจริง ให้คนอื่นทำผลงานให้ตนเองแต่แท้จริงแล้วตนเองไม่มีความสามารถ ชอบแบ่งแยกแล้วปกครอง (Paranoid trait) กลัวว่าจะเสียอำนาจ จงใจสร้างความขัดแย้งในทีม ทำให้คนในองค์กรไม่สามัคคี เห็นคนอื่นมีความสุขหรือประสบความสำเร็จแล้วรู้สึกคุกคาม ต้องทำให้ความสัมพันธ์แตกแยก จึงควบคุมและจัดการคนอื่นมากเกินไป เพื่อไม่ให้ใครรวมตัวแข็งข้อและให้ตนเองคงอำนาจสูงสุด "หัวหน้าแบบนี้มีแนวโน้มเป็นผู้นำ ที่เน้น อำนาจ การควบคุม การรักษาผลประโยชน์ตัวเอง มากกว่าการสร้างความก้าวหน้าให้ทีม" ผลเสียต่อองค์กรและลูกน้อง สูญเสียคนเก่ง พนักงานที่มีความสามารถมักลาออกเพราะรู้สึกว่าไม่มีอนาคตในองค์กร รู้ว่าความก้าวหน้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลงาน เหลือแต่คนที่อยู่เพราะจำใจ ขวัญกำลังใจตกต่ำ ลูกน้องรู้สึกไม่ยุติธรรม ขาดแรงจูงใจ และไม่กล้าคิดริเริ่ม บรรยากาศการทำงานเป็นพิษ ความไม่ไว้ใจกันแผ่ไปทั่ว ทำให้ไม่มีการร่วมมือกันจริงจัง คนเริ่มเงียบ ไม่กล้าแชร์ไอเดีย เพราะกลัวถูกนำไปใช้โจมตี ประสิทธิภาพลดลง เวลาถูกใช้ไปกับการเอาตัวรอดและการเมืองในที่ทำงาน มากกว่าการทำงานจริง ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย คนภายนอกรับรู้ว่าองค์กรไม่มีธรรมาภิบาล ดึงดูดคนเก่งได้ยาก คนเก่งไม่อยากเข้ามาร่วมงาน ผลกระทบคือองค์กรจะอยู่ในสภาวะ “ความไว้ใจเป็นศูนย์” คนดีๆ จะทยอยออก เหลือแต่คนที่อยู่เพราะจำใจ ปมจากประสบการณ์วัยเด็ก เติบโตมาในครอบครัวแข่งขันสูง ทำให้รู้สึกว่าต้องชนะตลอดเวลา จึงเชื่อว่าการเอาชนะคือวิธีอยู่รอด ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ซึมซับว่าการมีอำนาจและควบคุมผู้อื่นคือความปลอดภัย การเอาตัวรอดต้องมาจากการกดคนอื่นลง ขาดการยอมรับจากพ่อแม่ ทำให้โตมาโหยหาการยอมรับจากคนรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว จนต้องใช้ตำแหน่งบังคับให้คนเคารพ เห็นตัวอย่างผู้มีอำนาจที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม และเรียนรู้ว่านั่นคือสูตรสำเร็จของการอยู่รอดในสังคม เคยถูกผู้ใหญ่ลำเอียง จนเชื่อว่าการมี “ผู้ใหญ่หนุน” คือทางลัด วิธีรับมือกับหัวหน้าประเภทนี้ เก็บหลักฐานทุกอย่าง ทำงานเสร็จส่งทางอีเมล ไม่ส่งทางไลน์หรือบอกปากเปล่า ถ้ามีคำสั่งปากเปล่า ให้ทวนกลับเป็นข้อความ เพื่อป้องกันการถูกกล่าวหา สื่อสารอย่างเป็นทางการ เลี่ยงการคุยนอกรอบที่ไม่มีพยาน เพราะเขาอาจบิดเบือน เวลามีประเด็นสำคัญ ใช้เอกสารประชุม / อีเมล / LINE กลุ่มที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แทนการคุยปากเปล่า ไม่ตกเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง ลดการเผชิญหน้า ใช้วิธีสื่อสารอย่างเป็นทางการและสุภาพ อย่าเถียงกลางที่ประชุม ถ้าจำเป็นต้องโต้แย้ง ให้ใช้วิธีตั้งคำถามเชิงข้อมูล กำหนดขอบเขตงานของตัวเอง ระบุชัดว่าอะไรคือหน้าที่ และส่งมอบงานแบบครบถ้วน ถ้าโดนโยนงานเกินเหตุ ให้ถามกลับด้วยความสุภาพ เพื่อไม่ให้ถูกโยนงานเกินเหตุ สร้างเครือข่ายภายใน สร้างพันธมิตรในองค์กร อย่าทำงานคนเดียว ให้มีเพื่อนร่วมงานที่พร้อมยืนยันผลงานของคุณ แบ่งปันข้อมูลให้ทีมอย่างโปร่งใส เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ช่วยเหลือกัน และยืนยันข้อเท็จจริงให้คุณ รักษาภาพลักษณ์ตนเอง อย่าให้อารมณ์พาไปจนเผลอพูดแรงหรือดราม่าใส่ ใช้ความนิ่ง หลักฐาน และความสุภาพ เป็นเกราะป้องกัน ดูแลสุขภาพจิต หากรู้สึกเครียดมาก ควรปรึกษานักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ เพื่อไม่ให้บรรยากาศการทำงานทำลายคุณภาพชีวิต วางแผนระยะยาว หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นและกระทบชีวิต ควรเตรียมหาช่องทางย้ายหรือหางานใหม่ ก่อนที่สุขภาพจิตและชื่อเสียงคุณจะเสียหายการออกจากที่ทำงานพิษ ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่คือการปกป้องคุณค่าของตัวเอง บางครั้งแค่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเดินออกมา ก็เป็นชัยชนะแล้ว บางที “หัวหน้า” ไม่ได้หมายถึง “ผู้นำ” เก้าอี้สูงไม่ใช่สัญลักษณ์ของความสามารถ และคนที่อยู่รอด ไม่ได้แปลว่าชนะเสมอไป… หัวหน้าแบบนี้ไม่ใช่แค่คนทำงานยาก แต่เป็นต้นตอของความเสื่อมถอยในองค์กร เพราะเขาสร้างระบบที่ทำลายความไว้ใจและความสามารถของทีม การอยู่ร่วมกับคนประเภทนี้ต้องใช้ความใจเย็นและการวางแผนระยะยาว เพื่อรักษาทั้งศักดิ์ศรีและเส้นทางอาชีพของคุณ แหล่งของภาพ ภาพปก \ Andrea Piacquadio \ pexels ภาพที่ 1 \ shrikrishnap \ pixabay ภาพที่ 2 \ zeshdo \ pixabay ภาพที่ 3 \ Keira Burton \ pexels ภาพที่ 4 \ Yan Krukau \ pexels ภาพที่ 5 \ Andrea Piacquadio \ pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !