สวัสดีครับเพื่อนๆชาว TrueID In-Trend ทุกคน ปัจจุบันนี้รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อทุกประเทศทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ นั่นก็เป็นเพราะว่าโลกเรานั้นเผชิญเข้าสู่ภาวะโลกร้อนที่หนักขึ้นทุกวันจากการที่รถยนต์นั้นปล่อยไอเสียออกสู่บรรยากาศอย่างมาก ในประเทศไทยของเราก็มีการตื่นตระหนกกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อยครับเห็นจากการที่ภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มหันมาสนใจเรื่องติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าตามจุดต่างๆทั่วประเทศไทยแล้วครับ ดังนั้นเราจึงควรที่จะเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เร็วที่สุดครับเพื่อที่จะได้ช่วยกันรักษาโลกเราไว้ให้ได้นานที่สุดครับ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยนั่นก็คือการที่เราจะต้องเปลี่ยนจากรถยนต์มากลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแทนครับ เพื่อเป็นเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้วันนี้ผมจะมาแนะนำเพื่อนๆทุกคนครับเกี่ยวกับ 4 ข้อที่เราควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลยครับ1.ระยะทางที่ขับขี่ได้สูงสุดข้อนี้นับเป็นข้อที่หลายคนนั้นจะพิจารณาเป็นอันดับแรกเลยครับนั่นก็เพราะว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีในการพัฒนาให้รถยนต์ไฟฟ้าขับได้ระยะทางมากยังค่อนข้างทำได้ลำบากครับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการที่เราจะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าขับได้ระยะทางมากๆจะต้องอาศัยการเพิ่มขนาดแบตเตอรี่ครับซึ่งปัจจุบันนี้แบตเตอรี่ยังค่อนข้างจะมีราคาแพงอยู่มากจึงอาจทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้านั้นแพงขึ้นมากๆตามครับ และอีกปัจจัยนึงนั่นก็คือการที่ขนาดแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นนั้นจะทำให้ต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมากบวกกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นครับจึงอาจส่งผลไม่ดีในด้านสมรรถนะของตัวรถยนต์เองครับ โดยส่วนใหญ่แล้วรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปที่พบเห็นในเมืองไทยจะมีระยะทางสูงสุดอยู่ที่ 300-500 กิโลเมตรต่อการชาร์จครับ เพราะฉะนั้นก่อนที่เพื่อนๆจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนึงก็ควรที่จะพิจารณาเรื่องระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าครับว่าเพียงพอต่อพฤติกรรมการใช้งานของเราในแต่ละวันไหม2.การซ่อมบำรุงอย่างที่กล่าวไปในข้อแรกครับว่าปัจจุบันนี้แบตเตอรี่ที่ถูกนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีราคาค่อนข้างที่จะแพงมากครับอยู่ในราคาช่วง 1-3 แสนบาทครับ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะเช็คให้ดีครับว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่เราจะเลือกซื้อนั้นมีการรับประกันแบตเตอรี่เป็นระยะเวลากี่ปีและภายในระยะทางเท่าไหร่ และเราก็ควรที่จะเตรียมสำรองค่าใช้จ่ายในส่วนของการเปลี่ยนแบตเตอรี่หลังหมดประกันไว้ด้วยครับ เนื่องจากแบตเตอรี่มีราคาที่ค่อนข้างสูงใครที่ยังคิดว่าไม่สามารถสำรองค่าใช้จ่ายนี้ได้หลังจากหมดประกันก็ควรที่จะพิจารณาให้ดีครับ3.ระบบไฟฟ้าของบ้านพักอาศัยเราก่อนที่เราจะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนึงนั้นสิ่งที่เราควรจะพิจารณาร่วมด้วยนั่นก็คือระบบไฟฟ้าของบ้านพักอาศัยเราครับ นั่นเป็นเพราะว่าในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้นใช้กระแสไฟฟ้าในการชาร์จที่ค่อนข้างสูงครับ โดยส่วนมากแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะใช้กระแสไฟฟ้าในการชาร์จประมาณ 16-32 A ครับสำหรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับตามบ้านเรือนทั่วไป ถ้าใครที่จินตนาการไม่ออกว่า 16-32 A นั้นมากแค่ไหนให้เราลองนึกถึงการที่เราเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งบ้านพร้อมกันทุกอย่างครับ นั่นแหละครับจะประมาณเทียบเท่ากับการที่เราชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน และการที่เราจะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 คันให้เต็มนั้นต้องใช้เวลาถึง 6-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้งด้วยไฟฟ้ากระแสสลับจากบ้านครับ แต่ถ้าหากเราชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากับสถานีชาร์จตามจุดต่างๆหรือตามที่ชาร์จตามห้างที่เป็นการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรงก็จะใช้เวลาประมาณ 30 - 50 นาทีต่อการชาร์ครับ เพราะฉะนั้นแล้วก่อนที่จะเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคันนึงก็ควรที่จะเตรียมเงินส่วนนึงไว้สำหรับปรับปรุงระบบไฟฟ้าที่บ้านด้วยนะครับ4.มาตรฐานของรูชาร์จที่รถยนต์ไฟฟ้าข้อนี้ก็เป็นอีกข้อครับที่เราต้องพิจารณาเนื่องจากว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นมีหลากหลายยี่ห้อมากมายครับตามท้องตลาดอาทิเช่น แบรนด์จากญี่ปุ่น ยุโรป หรือเกาหลี โดยแต่ละยี่ห้อนั้นอาจจะใช้มาตรฐานรูชาร์จที่แตกต่างกันไปครับโดยรูชาร์จที่รถยนต์ไฟฟ้าหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 รูครับนั่นก็คือ รูสำหรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและรูสำหรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง โดยบางคันอาจจะมีรูที่ใช้สำหรับชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับเพียงอย่างเดียวก็ได้ครับ ซึ่งประเทศไทยเรานั้นได้กำหนดให้ Type 2 เป็นมาตรฐานสำหรับรูชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับและ CCS 2 เป็นมาตรฐานสำหรับรูชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงครับ เพราะฉะนั้นก่อนเลือกซื้อก็ควรพิจารณาข้อนี้ให้ดีครับว่าเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เราจะติดตั้งที่บ้านนั้นเป็นมาตรฐานแบบไหนและสถานีชาร์จที่ให้บริการแถวบ้านเรานั้นเป็นที่ชาร์จมาตรฐานไหน และนี่ก็เป็น 4 ข้อควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าครับ หวังว่าเพื่อนจะได้ความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะครับและสามารถนำไปใช้เป็นข้อควรพิจารณาก่อนเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อที่เราจะได้ใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าและได้รับรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุดครับ ขอบคุณเครดิตภาพจาก : รูปภาพหน้าปก : wikimedia/ รูปภาพที่ 1 : flickr/ รูปภาพที่ 2 : pxfuel/ รูปภาพที่ 3 : pxhere/ รูปภาพที่ 4 : wikimedia