วายแอลจี แนะจับตาราคาทองคำพุ่งต่อหรือสะดุด?

วันนี้ (5 ม.ค.64) บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  เปิดเผยว่า ราคาทองคำวานนี้ทะยานขึ้นกว่า 44.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ (1) การคาดการณ์ว่าหากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียในวันที่ 5 ม.ค.นี้ จะทำให้ทางพรรคครองอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งในทำเนียบขาว วุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร และเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติม ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

(2) การแข็งค่าของเงินยูโร ขานรับการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซนที่ขยายตัวสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี (3) แรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะการระบาดของไวรัสสายพันธุ๋ใหม่ทั้งสายพันธุ์อังกฤษที่แพร่กระจายได้เร็วขึ้นถึง 70% รวมไปถึงสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่ยังไม่แน่ชัดว่าวัคซีนต้าน COVID-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า/ม.อ็อกซ์ฟอร์ดจะมีประสิทธิภาพในการรับมือต่อสายพันธุ์นี้หรือไม่

และ (4) กองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +17.21 ตันสู่ระดับ 1,187.95 ตัน ซึ่งเป็นการถือครองทองคำเพิ่มในวันเดียวที่มากสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.ปี 2020 สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 1,944.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำถูกสกัดช่วงบวกจากการฟื้นตัวของดอลลาร์ หลังตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งหนักกระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ประกอบกับเงินปอนด์อ่อนค่าเนื่องจากอังกฤษประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบใหม่ จึงเป็นปัจจัยกดดันการปรับตัวขึ้นของราคาทองเพิ่ม

สำหรับ วันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆก่อนทราบผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจีย

ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,921-1,907 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดสถานะซื้อ(ตัดขาดทุนหากหลุด 1,907 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หากราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นไม่ผ่านบริเวณ 1,945 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจพิจารณาปิดสถานะซื้อแต่หากผ่านได้ถือต่อ

เกาะติดข่าวที่นี่