เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down โดยมีแนวรับหลักที่ 1,520 จุด ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยหนุน ตลาดรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้ ส่วนภาพรวม Bond Yield ระยะยาวที่ปรับขึ้นต่อเนื่องยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ตามกลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำคาดว่าจะช่วยประคองตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวได้ดีหลังซาอุฯขยายเวลาลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปในเดือน ก.ย.
ด้านการเมืองในประเทศคาดว่ายังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันดัชนีหลังวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนพิจารณารับ/ไม่รับคำร้องกรณีเสนอชื่อโหวตคุณพิธาซ้ำออกไปเป็นวันที่ 16 ส.ค. ตามด้วยประธานรัฐสภาที่ประกาศยกเลิกการโหวตเลือกนายกฯในวันนี้ออกไปเป็นหลังผลพิจารณาของศาลฯ ทำให้ตลาดถูก Overhang จากปัจจัยดังกล่าว ขณะที่ผลประกอบการ 2Q23 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศออกมาในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ภาพรวมไม่ได้เป็นไตรมาสที่โดดเด่น ดังนั้นจึงต้องเน้นกลยุทธ์ Selective กลุ่มฯหรือหุ้นที่มีกำไรแข็งแกร่งและแนวโน้มดีต่อใน 2H23
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วบริเวณ 1,500+- จุดยังถือลงทุนต่อเนื่อง
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BA, BBL, NSL, RBF, TACC
(กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบของ FINANSIA SYRUS ดำรงตำแหน่งกรรมการของ BA)
หุ้นเด่นวันนี้:BH
• แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 280 บาท
• คาดกำไรปกติ 2Q23 ที่ 1.57 พันลบ. ทรงตัวได้ q-q และมีโอกาสดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 1.4 พันลบ.ทั้งที่เป็น Low Season เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเติบโตมากกว่า 70% ใน 2Q23 แม้มีช่วงรอมฎอนในเดือน เม.ย.
• แนวโน้มกำไรมีแนวโน้มทำจุดสูงสุดใหม่ใน 3Q23 จาก High Season และคาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางที่คาดยังเร่งขึ้นต่อเนื่อง ยังคาดกำไรปี 2023 ที่ 6 พันลบ. +22% y-y
• แนวรับ 214//210 บาท แนวต้าน 220//225-228 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลงต่อ นักลงทุนชะลอการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเมืองไทย ด้านต่างประเทศ แรงขายพันธบัตรของสหรัฐฯ เริ่มแผ่วลง (ล่าสุด Bond Yield 10 ปี สหรัฐฯ อยู่ที่ 4.18%) ซึ่งไปในทางเดียวกับพันธบัตรของญี่ปุ่นที่ BOJ เข้าแทรกแซง คาดว่าความกังวลในเรื่องนี้จะจบลงอีกไม่นาน อีกทั้งการรายงานผลประกอบการตลาดสหรัฐฯ ที่ออกมาดี อาจจะช่วยหนุนตลาดได้บ้างในวันนี้
• จีนยังต้องจับตาดู หลังจากมีข่าวว่าจะมีเรื่องการช่วยเหลือเงินทุนของภาคอสังหาฯ ออกมา หากเป็นเช่นนั้น อาจจะเป็นตัวช่วยตลาดได้อยู่บ้างในช่วงนี้ หุ้นที่บวกจากมาตรการเศรษฐกิจของจีน หลักๆ ยังเป็นหุ้นอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์
• วันนี้จะมีการประชุม OPEC+ คาดการว่าซาอุฯ จะยังขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล เหมือนเดิม ยังดีต่อราคาหุ้นน้ำมัน (ราคา Brent ล่าสุด 85.32 เหรียญ) จับตา OPEC+ อาจมีลดกำลังการผลิตมากกว่าข่าวที่ออกมา
• ตัวแปรในประเทศ ความยืดเยื้อทางการเมือง เป็นลบต่อตลาดหุ้น เพราะการจัดตั้งรัฐบาลจะล่าช้าออกไป อีกทั้งยังทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อ วานนี้(3) Net Sell 2.9 พันล้านบาท
• ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (คาด +2.0 แสนตำแหน่ง ; เดือนก่อน +2.09 แสนตำแหน่ง)
Strategy
• ต่อเนื่องจากวันก่อนที่เรามองตลาดกลับมามีความเสี่ยงอีกครั้งจาก Flow ที่อาจชะงักเข้าตลาดเอเซีย และการโหวตนายกฯ ที่ยังยืดเยื้อออกไป หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นอิงการเมือง หุ้นอิงการลงทุน(รัฐ) จะถูกกระทบ ราคาหุ้นอาจมี rebound ในวันนี้ แต่ถ้ายังไม่มีข่าวบวก(การเมือง) ก็เป็นการขึ้นเพื่อให้ขายมากกว่า
• หุ้นอิงปัจจัยเฉพาะตัว คงต้องไปดูที่ผลประกอบการ 2Q ที่ตลาดคาดว่าจะออกมาดี หรือเป็นธุรกิจที่มีกำไรดีอยู่แล้ว อาทิ SAPPE, SISB, SNNP , ICHI
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น KBANK, IVL ออก และนำ ICHI* เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย ICHI*(10%), PTT(10%), RBF*(10%), HANA(10%)
Strategy Stock Pick
ICHI*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 15.30 บาท) “หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ช่วงที่รอนายกฯ”
• เรามองหาหุ้นที่ธุรกิจมีการเติบโตดี หุ้นน้ำดื่ม หลายๆตัวกำไรโตขึ้นมา คงมาจากอากาศร้อนและผ่านช่วง Covid มาแล้ว โดยสิ่งที่เห็นได้ชัด คือ margin ของหุ้นเหล่านี้ดีขึ้น โดย ICHI ก็เป็นหนึ่งในนั้น ไตรมาส 1/23 ทำ gross margin ได้ถึง 21% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 15%
• บริษัทฯ ประเมินว่ารายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) 29 ไตรมาสติดต่อกัน เนื่องจากเป็นฤดูขายของไทย (หน้าร้อน) และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง บวกกับยอดส่งออกที่มีการขยายตัวที่ดี
• ไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ คาดว่า จะมีกำไรนิวไฮเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้มีการบริหารพอร์ตโฟลิโอขายสินค้าราคา 20 บาทมากขึ้น ทำให้มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีกว่าอดีต
Technical : ITC, DPAINT
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วาง Filter แนวรับดัชนี SET ที่ 1,515 - 1,520 แนวต้าน 1,535 - 1,540 คาดได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังซาอุ & รัสเซียเตรียมลดกำลังการผลิตต่อใน ก.ย. แนะนำซื้อเก็งกำไร PTT,PTTEP,TOP,BCP / ทยอยซื้อ BBL,ADVANC,INTUCH*,GULF*,CPALL
CPN* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 81.00 บาท) แนวโน้ม 2Q66 คาดกำไรเติบโต QoQ, YoY จาก Traffic ที่ดีของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ประกอบกับธุรกิจโรงแรม-อาหารเติบโตได้ดี และธุรกิจอสังหาฯ มีการเร่งโอนถือเป็น Key หลักที่ทำให้กำไรเติบโตแม้เป็น Low Season ส่วนธุรกิจให้เช่ายังคงได้รับแรงหนุนจากการปรับส่วนลดค่าเช่าลงมาเท่าช่วง Pre-COVID ซึ่งรวมการปรับเพิ่มค่าส่วนกลางชดเชยค่าไฟฟ้าไปแล้ว ส่งผลให้รายได้เติบโตได้ดีแตะ 1.1 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มปี 66 ตลาดคาดกำไรอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท +17%YoY ระยะสั้น 3Q66 จะชะลอ QoQ ตาม Seasonal แต่จะฟื้นตัวเด่นใน 4Q66 มีปัจจัยบวกจากแผนการเปิดศูนย์การค้าใหม่ โดย Central Westville ราชพฤกษ์จะเปิดในเดือน พ.ย. และโรงแรมอีก 4 แห่ง
PR9* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 21.20 บาท) ประเมินภาพรวมการดำเนินงานในปี2566 จะยังสามารถเห็นการเติบโตได้ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ(โดยเฉพาะคลีนิก IVF ที่เน้นผู้ป่วยชาวจีน) จะสามารถ outweight รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ได้ นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วย IPD ของ PR9* ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่มีรายได้ต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วย Covid-19 โดยทางผุ้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี66 จะเติบโต 8-9% และ วางงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมปรับปรุงพื้นที่อาคาร A ชั้น 1 เพื่อรองรับเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติ ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี66 และ ปี67 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 578 ลบ.(+2%YoY) และ 645 ลบ.(+12%YoY) ตามลำดับ