รีเซต

รองโฆษกฯเผย ครม.รับทราบผลโพลการบริหารประเทศครบ 1 ปี พบ ปชช.ร้อยละ 29.8 เชื่อมั่นมากถึงมากสุด

รองโฆษกฯเผย ครม.รับทราบผลโพลการบริหารประเทศครบ 1 ปี พบ ปชช.ร้อยละ 29.8 เชื่อมั่นมากถึงมากสุด
มติชน
10 พฤศจิกายน 2563 ( 15:09 )
51
รองโฆษกฯเผย ครม.รับทราบผลโพลการบริหารประเทศครบ 1 ปี พบ ปชช.ร้อยละ 29.8 เชื่อมั่นมากถึงมากสุด

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาลในปี 2563 ครบ 1 ปี โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 6,970 คน ระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 78.6 ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล แหล่งที่ติดตามมากที่สุดคือจากโทรทัศน์ ร้อยละ 93.7 รองลงมาคืออินเตอร์เน็ต เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ร้อยละ 50.1 ส่วนความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาลนั้น พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 33.4 ในระดับปานกลาง ร้อยละ 48 โดยนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจมาก-มากที่สุด 5 อันดับแรกคือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การแก้ไขปัญหาโควิด-19 โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน วิกฤตมีสิทธิทุกที่ (UCEP) และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง

 

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ประชาชนมองว่าเป็นความเดือดร้อนในชุมชนและหมู่บ้านได้แก่ คนในชุมชนว่างงาน หรือไม่มีอาชีพที่มั่นคง ร้อยละ 29.9 สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 18.7 สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ร้อยละ 18 ภัยธรรมชาติ ร้อยละ 16.7 และปัญหายาเสพติด ร้อยละ 7.3 ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเรียงลำดับ ดังนี้ ปัญหาการว่างงานร้อยละ 41.2 ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง ร้อยละ 20.4 ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ร้อยละ 19.1 จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร ร้อยละ 11.5 และจัดสวัสดิการของรัฐให้เพียงพอและครอบคลุมทุกพื้นที่ ร้อยละ 8.5

 

ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 29.8 เชื่อมั่นปานกลาง ร้อยละ 48.7 และเชื่อมั่นน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 18.4 ไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 3.1 อย่างไรก็ตาม สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายดังนี้ คือควรให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนตกงานหรือว่างงาน เช่น การจ้างงานชั่วคราว การหาตลาดรองรับสินค้าของชุมชน การจัดอบรมวิชาชีพ และควรให้ความช่วยเหลือประชาชนด้านค่าครองชีพ เช่น การควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และการลดค่าสาธารณูปโภค รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการประกอบอาชีพ เช่น แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การหาตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ การพยุงราคาสินค้าเกษตร และการให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรสมัยใหม่

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง