รีเซต

สปสช. ยันจ่ายหน่วยบริการกระจาย ATK ให้ ปชช.ตรวจโควิด 10 บาทต่อครั้ง

สปสช. ยันจ่ายหน่วยบริการกระจาย ATK ให้ ปชช.ตรวจโควิด 10 บาทต่อครั้ง
มติชน
23 สิงหาคม 2564 ( 13:57 )
26
สปสช. ยันจ่ายหน่วยบริการกระจาย ATK ให้ ปชช.ตรวจโควิด 10 บาทต่อครั้ง

 

บอร์ด สปสช. มีมติจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมให้หน่วยบริการ 10 บาทต่อครั้ง ในการช่วยกระจาย ATK ให้ประชาชนใช้ตรวจโควิดด้วยตัวเอง รับหน้าที่ให้คำแนะนำการใช้-ติดตามผล-พาเข้า Home Isolation หากติดเชื้อ พร้อมเห็นชอบหลักการดูแลผู้ป่วยไตวายที่ติดเชื้อโควิด-19 เป็นผู้ป่วยใน หนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เพิ่มเติม

 

 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 มีมติเห็นชอบปรับการจ่ายชดเชยบริการสำหรับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการกระจายชุดตรวจโควิดแอนติเจน เทสต์ คิท Antigen Test Kit (ATK) ให้กับหน่วยบริการเพื่อกระจายหรือแจกไปยังประชาชนให้ตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้บอร์ด สปสช.ได้มีมติเพิ่มชุดตรวจโควิด-19 เอทีเค วงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท ในแผนการจัดหาภายใต้โครงการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปี 2564 และจ่ายให้แก่เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ (เครือข่ายโรงพยาบาล (รพ.) ราชวิถี) ดำเนินการจัดหาเพื่อสนับสนุนชุดตรวจให้แก่หน่วยบริการในเครือข่ายและประชาชนนั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม วงเงินดังกล่าว ครอบคลุมเฉพาะค่าอุปกรณ์ชุดตรวจ ดังนั้น เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้กับหน่วยบริการ หรือสถานพยาบาล บอร์ด สปสช.จึงมีมติจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับกระจายชุดตรวจเอทีเคไปยังประชาชน ในอัตรา 10 บาทต่อครั้งบริการ ภายใต้วงเงินประมาณ 85 ล้านบาท จากงบค่าบริการโควิด-19 ซึ่งจะเริ่มจ่ายภายหลังที่มีการกระจายชุดตรวจไปยังประชาชนแล้ว

 

 

ทั้งนี้ นพ.จเด็จ กล่าวว่า อัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะครอบคลุมกิจกรรมบริการ ได้แก่ 1.การขอ Authentication code หรือการยืนยันตัวตนของประชาชนก่อนรับแจกชุดตรวจเอทีเคตามแนวทางที่ สปสช.กำหนด 2.ให้คำแนะนำในการใช้ชุดตรวจ 3. ติดตามผลตรวจ ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด 4.กรณีมีผู้ติดเชื้อ จัดระบบให้เข้าสู่การดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation : HI) หรือที่ชุมชน (Community Isolation : CI)

 

 

“กรอบวงเงินนี้ เป็นการสนับสนุนกรณีที่จะกระจายเอทีเคให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง ส่วนวิธีการกระจายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ เบื้องต้นคือ กระจายผ่านหน่วยบริการ ไม่ว่าจะเป็น รพ. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ร้านยา หรือแม้แต่การส่งทางไปรษณีย์ หรือให้ไรเดอร์ (Rider) ขับไปส่ง โดยเน้นในพื้นที่สีแดงที่มีการระบาดมากๆ ก่อน หากตรวจแล้วผลเป็นบวก ประชาชนจะต้องติดต่อกลับไปให้หน่วยบริการดังกล่าวพาเข้าระบบโฮม ไอโซเลชั่น ดังนั้น เราจึงมีงบประมาณสนับสนุนให้เนื่องจากหน่วยบริการจะมีภาระงานเพิ่ม” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

 

 

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยโรคไต จากข้อมูลของสมาคมเพื่อนโรคไตแห่งประเทศไทย พบว่า ที่ผ่านมาผู้ป่วยโรคไตที่ติดเชื้อโควิด-19 และต้องรับบริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดนั้น มีปัญหาไม่สามารถเข้ารับบริการฟอกเลือดได้ จึงมีข้อเสนอต่อ สปสช. เพื่อขอจ่ายชดเชยเพิ่มเติม ได้แก่ 1.ชุดตัวกรองเลือดแบบใช้ครั้งเดียว 2.อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) สำหรับบุคลากร 3.ค่าบุคลากรการดูแลผู้ป่วยฯ ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. จึงได้พิจารณาและเห็นชอบหลักการให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องรับบริการฟอกเลือดทุกราย เข้ารับบริการแบบผู้ป่วยใน (IPD) เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิต โดยจะเบิกจ่ายจากงบค่าบริการโควิด-19 ส่วนกรณีที่หน่วยบริการไม่สามารถให้บริการแบบผู้ป่วยในได้ สปสช.จะมีการปรับการจ่ายต่างๆ ได้แก่ 1. แยกค่าใช้จ่ายสำหรับตัวกรอง รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ แบบใช้ครั้งเดียว (Single use) ออกจากรายการค่าใช้จ่ายปกติ โดยเสนอเพิ่มรายการในแผนและวงเงินการจัดหาฯ ปี 2564

 

 

และต่อเนื่องไปปี 2565 เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการโรงพยาบาลราชวิถี จัดหาและกระจายไปยังหน่วยบริการ 2.เพิ่มการจ่ายค่าชุดPPE สำหรับบุคลากร 3.เพิ่มการจ่ายค่าพาหนะรับส่งผู้ป่วย รวมค่าทำความสะอาด นอกจากนี้ ยังจะมีการทบทวนระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียน เพื่อเพิ่มจำนวนหน่วยร่วมให้บริการล้างไตด้วยการฟอกเลือดให้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง