ไทยลุ้นต่อ ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "โคนี" อ่อนกำลังหลังถล่มฟิลิปปินส์

วันนี้ (1 พ.ย.63) ซูเปอร์ไต้ฝุ่น"โคนี" อ่อนกำลังลงแล้ว หลังพัดถล่มพื้นที่ทางใต้ของลูซอน  ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 ราย รวมถึงไฟฟ้าดับ ระบบโครงสร้างพื้นฐานเสียหาย และน้ำท่วมฉับพลัน

สำนักงานอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ไต้ฝุ่น “โคนี” ซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดของโลกเท่าที่ผ่านมาในปีนี้ ได้อ่อนกำลัง แต่ยังมีอำนาจทำลายล้างสูง เนื่องจากความเร็วลมยังอยู่ที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังขึ้นฝั่งที่ภูมิภาคไบคอล

สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ยังเตือนด้วยว่า “โคนี” ยังเป็นอันตราย ในระหว่างเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดต่างๆ ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา

นายอัล ฟรานซิส ไบชาร่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ระบุว่า “โคนี” ขึ้นฝั่งที่ภูมิภาคไบคอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกต้นไม้ล้มทับจนเสียชีวิต แต่สำนักงานจัดการภัยพิบัติ ไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว นอกจากนั้น ไบชาร่า ยังได้รับรายงานโคลนภูเขาไฟไหลเข้าหมู่บ้าน เช่นเดียวกับไฟดับ และระบบสื่อสารขัดข้อง

ส่วนที่เมืองเกซอน นายดานิโล ซัวเรซ ผู้ว่าราชการจังหวัด เผยว่า ไฟดับในเมือง 10 แห่ง และพายุทำให้ต้นไม้หักโค่น

อย่างไรก็ตาม สำนักงานจัดการภัยพิบัติ แจ้งว่า ประชาชนระหว่าง 19-30 ล้านคนได้รับผลกระทบจากพายุดังกล่าว รวมถึงผู้ที่อยู่ในเขตอันตราย และกรุงมะนิลา

ก่อนหน้านี้ ทางการอพยพประชาชนราว 347,000 คน ไปอยู่ในศูนย์อพยพ แต่ยังมีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันโควิด-19 ระบาด

ด้าน นายแฮร์รี โรเก้ โฆษกประธานาธิบดี กล่าวว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต้ ติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่นจากบ้านพักในเมืองดาเวา

ขณะที่ เที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศถูกยกเลิกหลายสิบเที่ยว สำนักงานการบินพลเรือน สั่งปิดสนามบินนานาชาตินินอย อาคีโน 1 วัน 

สำหรับไต้ฝุ่น “โคนี” เป็นไต้ฝุ่นที่พัดถล่มฟิลิปปินส์อย่างรุนแรงที่สุด ต่อจากพายุไต้ฝุ่น ”โมลาเบ” ที่กระหน่ำฟิลิปปินส์เมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 22 ราย สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ กำลังเฝ้าจับตาพายุโซนร้อน ”อัสนี” ซึ่งคาดว่า จะถล่มจังหวัดต่างๆ บนเกาะลูซอนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า