รีเซต

2.3 ล้านหายวับ เหยื่อแก๊งคอล 'สรรพากรทิพย์' 2 นาที ดูดเกลี้ยงบัญชี-กู้บัตรเงินสดไปด้วย

2.3 ล้านหายวับ เหยื่อแก๊งคอล 'สรรพากรทิพย์' 2 นาที ดูดเกลี้ยงบัญชี-กู้บัตรเงินสดไปด้วย
มติชน
2 พฤศจิกายน 2565 ( 10:50 )
54
2.3 ล้านหายวับ เหยื่อแก๊งคอล 'สรรพากรทิพย์' 2 นาที ดูดเกลี้ยงบัญชี-กู้บัตรเงินสดไปด้วย

จังหวัดอุทัยธานี 2.3 ล้าน หายวับใน 2 นาที สาวบ้านไร่ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร ดึงเงินเกลี้ยงธนาคารไม่พอยังกู้เงินบัตรเครดิตไปด้วย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกโอนเงินในบัญชีธนาคารของตนเองไปจนเกลี้ยงบัญชี ซ้ำยังเข้าไปทำธุรกรรมกู้เงินของธนาคารไปอีกด้วย สูญเงินไปกว่า 2,263,778.55 บาท ทำให้ตอนนี้ทุกข์ใจหนักมาก สูญเงินหมดตัวและยังต้องมาเป็นหนี้ธนาคารอีกล้านกว่าบาท

โดย นางสาวดวงพร อายุ 35 ปี ชาวบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีสายโทรศัพท์ โทรเข้ามาว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร แจ้งว่าร้านขายส่งเหล้า บุหรี่ ของพ่อตนเอง ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอลานสักนั้นยังคาอยู่ในระบบ ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านเก่าที่พ่อของตนเองนั้นปิดไปแล้ว

ตนจึงแจ้งไปว่า ร้านนั้นปิดไปนานแล้วนะ แต่ทางนั้นยังยืนยันว่า “ยังอยู่ในระบบ” ให้เข้าไปกรอกรายละเอียด ในระบบเพื่อให้ทางกรมสรรพากร ดึงข้อมูลร้านค้าเก่าออกให้

ผู้เสียหายยังได้ถามกลับไปว่า แต่ร้านเป็นชื่อพ่อต้องให้พ่อเป็นคนดำเนินการไหม อีกฝ่ายบอกว่าสามารถทำแทนได้ เพราะเป็นคนเสียภาษีแทนพ่ออยู่แล้วใช่ไหม พอทางนั้นพูดมาแบบนี้ตนจึงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากรตัวจริง เพราะปกติตนก็ไปดำเนินการเรื่องเสียภาษีแทนพ่ออยู่เสมอจริงๆ

จากนั้นจึงได้สอบถามรายละเอียดขั้นตอนว่าต้องทำยังไง คอลเซ็นเตอร์บอกว่าให้แอดไลน์ ซึ่งพอแอดไปก็ขึ้นเป็นโลกโก้ของกรมสรรพากร จึงยิ่งเชื่อไปอีก จากนั้นเขาก็ส่งลิงก์มาให้กดเข้าไปโหลดแอพพ์ที่อ้างว่าเป็นแอพพ์ของกรมสรรพากรสำหรับทำธุรกรรม ต่อไปไม่ต้องไปถึงสำนักงานแล้ว เป็นแอพพ์ที่คนในเมืองทำกัน เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้หมดแล้ว ซึ่งคำพูดดังกล่าวก็คล้ายกับที่เจ้าหน้าที่สรรพากรเคยแจ้งเราเมื่อครั้งไปเสียภาษีครั้งที่ผ่านมา

หลังจากโหลดแอพพ์ซึ่งเป็นโลโก้ของกรมสรรพากร ก็เข้าไปกรอกรายละเอียด ซึ่งมีชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเบอร์ที่กรอกไปก็ไม่ใช่เบอร์ที่ผูกกับบัญชีธนาคารแต่เป็นเบอร์ที่แจ้งไว้กับกรมสรรพากร เวลาที่ไปจ่ายภาษี ทำให้นอนใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะทางนั้นก็ไม่ได้ขอเลขบัตรประชาชนอะไรเพิ่ม

ทว่าพอกรอกข้อมูลเสร็จ ปรากฎว่าเกิดความผิดพลาดเข้าระบบไม่ได้ คอลเซ็นเตอร์ถามว่า “ยังอยู่หน้าจอไหม เข้าทำในระบบไม่ได้ใช่ไหม แคปหน้าจอมาให้ดูหน่อย”  จากนั้นแจ้งกลับว่าให้ตั้งค่าภายในเครื่องและอนุญาตให้เข้าถึงแอพพ์ที่ไม่รู้จัก และระบบของเครื่องมือถือ พอทำตามที่แจ้งมา ในหน้ามือถือก็ขึ้นรหัสแอพพ์ดังกล่าวมา 6 หลัก ให้แจ้งอีกฝ่ายไป ตนได้แจ้งไป จากนั้นคอลเซ็นเตอร์บอกให้รอ กำลังทำการดึงข้อมูลออกระบบให้ ประมาณ 20 นาที แล้วให้เข้าไปเช็กว่าเรียบร้อยไหม หลังจากนั้นมือถือของตนก็ทำอะไรไม่ได้อยู่สักพัก ค้างอยู่หน้าแอพพ์นั้น ซึ่งขึ้นว่า “กำลังตรวจสอบ”

 

 

ผู้เสียหายเผยว่า ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีแล้ว คิดว่าไม่ใช่เงินหายไปหมดบัญชีนะ แล้วพยายามกดมือถือจนกลับมาใช้ได้ ปรากฎว่าเมื่อเข้าไปดูในแอพพ์ ธนาคาร ที่ 1 ซึ่งมียอดเงินอยู่ 932,801 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้หมุนเวียนขายของนั้นหายไปเกลี้ยงบัญชี

จากนั้นก็พบว่า เงินในบัญชี ธนาคารที่ 2 ซึ่งเป็นเงินที่ใช้กู้ลอยไว้ผ่านบัตรเครดิต เพื่อเอาไว้ใช้ฉุกเฉิน เวลาลงของ ซึ่งตนเองไม่ค่อยได้ดึงมาใช้เพราะเสียดอกค่อนข้างสูงก็ถูกเปลี่ยนจากเงินกู้โอนมาเป็นเงินสดโอนเข้ามาภายในบัญชีของตนเอง ก่อนทำการโอนไปที่บัญชีอื่นทันที ด้วยกัน 2 ยอด ยอดแรกจำนวน 994,977.4 บาท และยอดที่สองอีกจำนวน 336,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 ยอดนั้นไม่เคยมีการแจ้งเตือนหรือมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์ มาสอบถามตนเองเลยว่า ได้เป็นคนทำธุรกรรม ดังกล่าวนี้ไหม

หลังรู้ตัวว่าถูกหลอก ตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ช่วยอายัดบัญชีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและแจ้งว่า เงินในบัญชีดังกล่าวถูกโอนย้ายไปบัญชีต่างธนาคารจนหมดแล้ว ซึ่งเกินอำนาจหน้าที่ของธนาคารที่จะไปทำการอายัดบัญชีต่างธนาคารให้ได้ และแนะนำให้ตนเองไปแจ้งความเพื่อดำเนินการแทน

จากนั้นตนก็ไปแจ้งความที่ สภ.ลานสัก ที่อยู่ใกล้ทันที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความและช่วยดูข้อมูลบัญชีเบื้องต้นให้ตนเองทันที ซึ่งหลังจากตรวจสอบบัญชี ที่ถูกโอนเงินไปนั้นพบว่า เป็นบัญชีม้าของ เด็กหญิง อายุ 16 ปี อยู่ในจังหวัดสระบุรี

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลานสัก ก็ได้แระนำให้ตนเองไปแจ้งความยัง สภ.ที่เกิดเหตุเพื่อให้การดำเนินการรวดเร็วกว่า ตนเองจึงไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไร่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับเรื่องแจ้งความ โดยทำการลงเรื่องแจ้งความออนไลน์ เพราะต้องผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ให้เข้ารับเรื่องดังกล่าว

โดยตนเองได้คิวรับเรื่องวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08.00 น. ที่ สภ.บ้านไร่ ซึ่งตอนนี้ก็ร้อนใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามช่องทางการเงินดังกล่าวให้เร็วที่สุด ยังมีความหวังน้อยนิดว่าจะได้เงินคืนมาบ้าง ทุกข์ใจมากที่ตอนนี้เงินก็หมดตัว และยังต้องทาเป็นหนี้ธนาคารอีกล้านกว่า ตนเองก็เป็นโรคหัวใจ ต้องใช้เงินซื้อยานอกกินรักษาตัว ตอนนี้ทุกข์ใจมากๆ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง