‘TPCH’คลอดหุ้นกู้ ลงทุนขยายโรงไฟฟ้า
ทันหุ้น - TPCH ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1.5 พันล้านบาท อายุ 2 ปี 9 เดือน ขายให้สถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ ชูอัตราผลตอบแทน 4.50% ต่อปี เตรียมนำเงินส่วนใหญ่ไปใช้รองรับแผนการขยายโครงการโรงไฟฟ้า และชำระคืนหนี้ มั่นใจนักลงทุนผลตอบรับดี
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1 ปี 2564 มูลค่าไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ให้กับนักลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ อายุ 2 ปี 9 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับ 4.50% ต่อปี พร้อมเปิดขายระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน 2564 ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB แนวโน้ม Stable จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าว มูลค่าการซื้อขั้นต่ำอยู่ที่ 100,000 บาทขึ้นไป ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยหุ้นกู้ ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน และหุ้นกู้จะมีอายุ 2 ปี 9 เดือน และครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567
** กางแผนการขายไฟ
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH กล่าวว่า ปัจจุบัน TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทต่างๆ โดยลงทุนในบริษัทที่ดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากชีวมวลจำนวน 12 บริษัท แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ดำเนินการ COD แล้ว จำนวน 10 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG, TPCH 5, TPCH 1 และ TPCH 2ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 106.8 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน, โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา มีกำลังการผลิตรวม 6 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย โรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ และโรงผลิตเชื้อเพลิง Refuse Derived Fuel (RDF) ได้แก่ PA ซึ่งบริษัทจะทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) ด้านการเงิน เทคโนโลยี บุคลากร เชื้อเพลิง กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่า โครงการที่บริษัทเข้าลงทุนมีศักยภาพที่จะสามารถสร้างคุณค่า และมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสีย