สงครามการค้ากระทบท่องเที่ยวสหรัฐฯ

ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ หรือ CBP เปิดเผยว่า จำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนมีนาคม โดยจำนวนผู้มาเยือนขาเข้าลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2024 ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ มียอดรายได้เกินดุลกับประเทศอื่น ๆ มาอย่างยาวนาน โดยสร้างรายได้เกือบ 1 ล้าน 3 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 2567 สนับสนุนการจ้างงานเกือบ 15 ล้านตำแหน่ง โดยมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากกว่า 72 ล้านคนเดินทางเข้าสู่สหรัฐฯ ในปี 2567

ผู้เชี่ยวชาญ บอกว่า มีหลายปัจจัยที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสหรัฐฯ ลดลง ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้า หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทยอยประกาศขึ้นภาษีศุลกากรหลายระลอก ต่อหลายประเทศทั่วโลก ครอบคลุมแม้กระทั่งแคนาดาและเม็กซิโก ที่เป็นเพื่อนบ้าน วาทกรรมทางการเมืองในแง่ลบ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ รวมทั้งการควบคุมพรมแดนเข้มงวดมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ในแวดวงธุรกิจคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ อาจสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 2 ล้านล้านบาท ในปี 2025 หากนักท่องเที่ยวยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

ด้านสถาบันการเงินโกลด์แมนแซคส์ ประเมินว่า ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุด การท่องเที่ยวลดลงอาจทำให้มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.3 หรือสูญรายได้เกือบ 90,000 ล้านดอลลาร์

ขณะที่บริษัทวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว “Tourism Economics” คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ จะลดลงร้อยละ 9.4 ในปี 2568 สวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากรายงานที่เผยแพร่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา