10 ปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน ส่งผลกระทบต่อคนได้ มีอะไรบ้าง | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนยังไม่รู้ว่า บ้านของเรา บ้านที่เราอยู่ในตอนนี้ คือ สิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งที่สามารถส่งผลกระทบต่อตัวเราได้ โดยเฉพาะถ้าบ้านของเรามีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนะคะ พอพูดแบบนี้หลายคนเริ่มงง ให้ลองมองไปรอบๆ บ้านของเราค่ะ แล้วเราจะเจอสิ่งที่เป็นต้นเหตุและสามารถคุกคามเราได้ เจอหรือยังคะ? ถ้ายังไม่เจอหรือนึกไม่ออก ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะในบทความนี้ผู้เขียนจะมาบอกต่อให้ทุกคนได้รู้ว่า บ้านของเรามีอะไรบ้างที่เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยเมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านจะมีความตระหนักและหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกี่ยวกับบ้านมากขึ้นได้ค่ะ ดังนั้นต้องอ่านต่อให้จบ เพราะจะทำให้มองเห็นภาพมากขึ้น และถ้าอยากรู้แล้วว่าบ้านที่เราอยู่ในตอนนี้มีความเสี่ยงหน้าตาแบบไหนได้บ้าง งั้นเรามารู้ไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ดังนี้ 1. คุณภาพอากาศภายในบ้านต่ำ หลายคนอาจจะไม่ได้ตระหนักว่าอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวันในบ้านนั้น อาจไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด ทั้งฝุ่นละอองเล็กๆ สารเคมีที่ระเหยออกมาจากของใช้ต่างๆ หรือแม้แต่เชื้อราที่มองไม่เห็น สิ่งเหล่านี้สามารถสะสมและส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราได้ ตั้งแต่การระคายเคืองเล็กน้อย เช่น แสบตา คัดจมูก ไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น อย่างโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือแม้แต่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจในระยะยาว การที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ้าน ทำให้เราหลีกเลี่ยงมลพิษเหล่านี้ได้ยาก การใส่ใจและหาทางปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองและคนที่เรารักครับ 2. ความชื้นสูงและเชื้อรา เรื่องความชื้นสูงในบ้านกับปัญหาเชื้อรา ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยนะค่ะ บางทีเราอาจจะคิดว่าแค่มีคราบดำๆ ดูไม่สวยงาม แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลกระทบต่อคนเราได้มากทีเดียว ความชื้นที่มากเกินไปเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ให้เชื้อราเจริญเติบโต ซึ่งเจ้าเชื้อราก็จะปล่อยสปอร์เล็กๆ ที่เรามองไม่เห็นออกมาในอากาศ พอเราสูดดมเข้าไปบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ ไอ จาม หรือหนักกว่านั้นก็คือเกิดเป็นความเจ็บป่วยขึ้นมาในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ การควบคุมความชื้นในบ้านให้เหมาะสมและรีบจัดการกับปัญหาเชื้อราตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้บ้านของเราเป็นที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีและส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริงค่ะ 3. แสงสว่างที่ไม่เพียงพอหรือมากเกินไป บางทีเราอาจจะไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร แต่จริงๆ แล้วแสงสว่างที่ไม่พอดี ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของเราได้เหมือนกันค่ะ ถ้าแสงน้อยเกินไป ก็อาจจะทำให้เรารู้สึกง่วงซึม ไม่อยากทำอะไร แถมยังอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาในระยะยาวได้ด้วย ในทางกลับกันถ้าแสงสว่างจ้าเกินไป โดยเฉพาะแสงสีขาวหรือแสงจากหน้าจอมากเกินไปในช่วงก่อนนอน ก็อาจจะรบกวนนาฬิกาชีวิตของเรา ทำให้นอนหลับยาก หรือหลับไม่สนิท พอพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายก็อ่อนเพลียและหงุดหงิดง่าย ดังนั้นการจัดแสงสว่างในบ้านให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่เราทำในแต่ละช่วงเวลา จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้บ้านของเราเป็นที่ที่สบายตา สบายใจ และส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเราอย่างแท้จริงค่ะ 4. สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและของใช้ส่วนตัว คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า สารเคมีที่ซ่อนอยู่ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและของใช้ส่วนตัวที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาเช็ดพื้น สบู่หรือแชมพู ล้วนเป็นปัญหาใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม เพราะเมื่อสารเคมีเหล่านี้ถูกชะล้างลงท่อระบายน้ำ ก็จะไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ก่อให้เกิดมลภาวะทางน้ำและส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศโดยรวม นอกจากนี้สารระเหยจากผลิตภัณฑ์บางชนิดยังคงตกค้างอยู่ในอากาศภายในบ้าน โดยเราสามารถสูดดมเข้าไปและยังสามารถสัมผัสกับผิวหนังได้อีกด้วย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อตัวเราในระยะยาว ดังนั้นการตระหนักถึงภัยเงียบจากสารเคมีเหล่านี้และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราทุกคนควรให้ความใส่ใจ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของคนในบ้านและโลกของเราค่ะ 5. สารตะกั่วในสีทาบ้านเก่า หลายคนยังไม่รู้ว่า สีทาบ้านเก่าที่เคยใช้กันมานานหลายสิบปี มักมีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนเราอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มักจะสัมผัสหรือเผลอกินเศษสีที่หลุดล่อนออกมา สารตะกั่วที่สะสมในร่างกายสามารถส่งผลกระทบต่อร่างกายของคนเราได้อย่างร้ายแรง นอกจากนี้ฝุ่นผงจากสีเก่าที่หลุดร่อนยังสามารถฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศภายในบ้าน ทำให้ทุกคนในครอบครัวเสี่ยงต่อการสูดดมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดการกับสีทาบ้านเก่าที่มีสารตะกั่ว จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ไม่ควรกะเทาะ ขัด หรือกำจัดทิ้งด้วยตัวเอง เพราะจะยิ่งทำให้สารตะกั่วฟุ้งกระจายมากขึ้นค่ะ 6. การระบายอากาศไม่ดี รู้ไหมคะว่า การระบายอากาศที่ไม่ดีภายในบ้าน ถือเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อคนเราได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะอากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวกจะกักเก็บความชื้น ฝุ่นละออง สารก่อภูมิแพ้ และสารเคมีต่างๆ ที่ระเหยออกมาจากเฟอร์นิเจอร์ สีทาบ้าน หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เราใช้ โดยสิ่งเหล่านี้จะวนเวียนอยู่ในบ้าน ทำให้เราสูดดมเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ ระคายเคืองตา จมูก และคอ หรือแม้กระทั่งปวดศีรษะและอ่อนเพลียได้ นอกจากนี้ความชื้นที่สะสมยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อรา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมา ดังนั้นการเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท การใช้พัดลมดูดอากาศ หรือการติดตั้งระบบระบายอากาศที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ดีต่อทุกคนในครอบครัวค่ะ 7. เสียงดังรบกวน เสียงดังรบกวนที่เราเผชิญอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากเพื่อนบ้าน เสียงรถยนต์บนท้องถนน หรือเสียงจากการก่อสร้างที่ดังเข้ามาในบ้าน อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในบ้านที่ส่งผลกระทบต่อเรามากกว่าที่คิด เสียงรบกวนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสามารถสร้างความเครียด ทำให้หงุดหงิด นอนไม่หลับ ส่งผลต่อสมาธิในการทำงานหรือเรียน และหากต้องทนอยู่กับเสียงดังเป็นเวลานานๆ ก็อาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นได้ นอกจากนี้บรรยากาศภายในบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวนยังทำให้เราขาดความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่บ้านควรจะมอบให้เรา การสร้างสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมทั้งสุขภาพของทุกคนในครอบครัวค่ะ 8. อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม อุณหภูมิภายในบ้านที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะร้อนจัดหรือหนาวเกินไป เป็นอีกหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวที่ส่งผลกระทบต่อเราโดยตรง การอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นเวลานานๆ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ อาจเกิดภาวะขาดน้ำ และยังส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานหรือเรียนลดลง ส่วนสภาพอากาศที่หนาวเย็นเกินไปก็ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สบาย เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย นอกจากนี้การที่อุณหภูมิในบ้านไม่สมดุลยังทำให้ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อนมากเกินไป ซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองพลังงานแล้ว ยังทำให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ และอาจสะสมสิ่งสกปรกต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งการรักษาระดับอุณหภูมิในบ้านให้พอเหมาะ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวรู้สึกสบายตัวและใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้นค่ะ 9. แมลงและสัตว์พาหะนำโรค แมลงและสัตว์พาหะนำโรค เช่น ยุง หนู แมลงสาบ หรือแม้กระทั่งมดที่เราเห็นบ่อยๆ ในบ้าน ไม่ใช่แค่สร้างความรำคาญเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในบ้านที่ส่งผลกระทบต่อคนเราได้ค่ะ เพราะเป็นพาหะนำเชื้อโรคต่างๆ มาสู่คนได้โดยตรง และการมีสัตว์และแมลงกลุ่มนี้มาอยู่ในบ้านแสดงถึงสุขอนามัยที่ไม่ดี ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและสิ่งสกปรก ยิ่งไปกว่านั้นแมลงบางชนิดยังสามารถทำให้เกิดอาการแพ้ หรือกัดต่อยจนเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ ดังนั้นการควบคุมและป้องกันไม่ให้มีสัตว์พาหะเหล่านี้เข้ามาในบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสุขอนามัยของทุกคนในครอบครัว และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดภัยน่าอยู่ค่ะ 10. การสะสมของสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์เลี้ยง การมีสัตว์เลี้ยงแสนรักในบ้านเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าขน รังแค หรือแม้แต่น้ำลายของสัตว์ กลับเป็นแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้ที่มองไม่เห็น และกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมภายในบ้านที่ส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวได้โดยตรงนั้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการภูมิแพ้อยู่แล้ว จะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม ตาแดง หรือแม้กระทั่งผื่นคันตามผิวหนังได้ง่ายขึ้น เพราะสารก่อภูมิแพ้สามารถลอยปะปนอยู่ในอากาศ ตกลงบนเฟอร์นิเจอร์ พรมหรือเสื้อผ้า และสามารถสะสมอยู่ในบ้านได้เป็นเวลานาน แม้จะนำสัตว์เลี้ยงออกไปแล้วก็ตาม ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ การใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือการจำกัดพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้ และเพื่อให้ทุกคนในบ้านอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีความสุขและมีสุขอนามัยที่ดีค่ะ และนั่นคือตัวอย่างค่ะ ที่ก็มีมากถึง 10 สถานการณ์เลย ที่สามารถกลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมภายในบ้านได้ ซึ่งที่นี่มีเหมือนกันค่ะ เช่น การมีแมลงพาหนะนำโรคชนิดต่างๆ การมีเสียงดังทั้งจากเพื่อนบ้านและการจราจร ตลอดจนอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมในบางวัน โดยปัญหาทั้งหมดที่ผู้เขียนเจอนั้น โดยส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจค่ะ อย่างเช่นเรื่องของแมลงพาหนะนำโรคนั้น จะหาทางกำจัดและเอาตัวเองให้รอดตลอด ส่วนเรื่องอุณหภูมิก็จัดการไปตามฤดูกาลค่ะ ถ้าหนาวก็หาเสื้อผ้ามาทำให้ร่างกายอบอุ่น ถ้าร้อนก็เปิดพัดลม เปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ ส่วนเรื่องเสียงดังก็มีร้องเรียนไปที่ทางเทศบาลค่ะ เพราะการส่งเสียงดังเป็นเหตุรำคาญที่ต้องควบคุมนะคะ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณผู้อ่านกำลังมีปัญหาเรื่องไหนบ้าง ยังไงลองนำข้อมูลในบทความนี้ไปเป็นแนวทางเพื่อปรับปรุงคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมภายในบ้านได้ค่ะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Igor Starkov จาก Pexels และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Timotej Nagy จาก Pexels, ภาพที่ 2,4 โดยผู้เขียน และภาพที่ 3 โดย Ketut Subiyanto จาก Pexels เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน 10 สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม มีอะไรบ้าง การกำจัดน้ำเสียจากถังเกรอะส้วม ด้วยระบบร่องซึม ดีไหม 9 ผลเสียจากใช้สเปรย์ฆ่าแมลง ในบ้านหรือที่อยู่อาศัย มากเกินไป เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !