การจัดส่งของไปต่างประเทศนั้นจะต้องทำยังไง ปัจจุบันการส่งพัสดุไปต่างประเทศนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของคนหลายคนทั้งคนที่มีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ หรือบางคนนั้นมีธุรกิจที่จะต้องส่งสินค้าไปให้ลูกค้ายังต่างประเทศ จึงมีกลุ่มธุรกิจที่เข้ามาตอบสนองในความต้องการนี้ เราจึงอยากจะยกตัวอย่างบริษัทขนส่งสินค้าไปต่างประเทศที่สามารถทำการจัดส่งสินค้าไปต่างประเทศได้ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย หลายคนอาจจะคิดว่าการส่งของไปต่างประเทศนั้นจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแต่ในปัจจุบันการส่งพัสดุไปต่างประเทศนั้นสามารถทำได้ง่ายและมีค่าใช้จ่ายไม่ต่างจากสูงของภายในประเทศมากนัก โดยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นั้นจะปรับขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับสถานะการปัจจุบันของประเทศตนทางและปลายแต่โดยเฉลี่ยนแล้วก็ยังถือว่าเหมาะสมและคุ้มค่าในการจัดส่งพัสดุขั้นตอนการจัดส่งพัสดุ1. เมื่อเราเข้าไปที่หน้าแรกของ DHL ให้กดเลือกไปที่ นัดรับสินค้า ทาง DHL จะให้เรานั้นเลือกประเทศต้นทางที่จะจัดส่งพัสดุแล้วให้เราระบุสถานที่สำหรับให้รถรับสินค้าของ DHL เข้าไปรับสินค้า (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) และเลือกประเทศปลายทางที่เป็นผู้รับสินค้าแล้วก็กรอกข้อมูลที่อยู่ของผู้รับสินค้าคร่าวๆ แล้วกดถัดไป2. ให้เรานั้นกรอกข้อมูลโดยระเอียดของผู้ส่งและผู้รับ (ระบุเป็นภาษาอังกฤษ) หากมีข้อมูลไหนที่ไม่สามารถหรอกได้ก็สามารถใส่เครื่องหมาย (-) ได้ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลหรือไม่ทราบข้อมูล แต่ข้อมูลที่จะต้องกรอกให้ถูกต้องคือชื่อที่อยู่ผู้ส่งและผู้รับ3. ทำการกรอกข้อมูลทุกอย่างตามแต่ละขั้นตอนให้ครบถ้วน โดยจะมีทั้งข้อมูลพัสดุ ขนาด ปริมาณ นํ้าหนัก ต้องทำการเช็คและกรอกให้ถูกต้อง เพื่อประมาณราคาในการจัดส่งพัสดุและเป็นข้อมูลไว้ให้สำหรับกรมศุลกากรใช้ตรวจสอบพัสดุ หลังจากกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วทาง DHL ก็จะแจ้งค่าจัดส่งมาให้เราทราบ และให้เราเลือกวัน เวลา ให้DHLเข้าไปรับพัสดุ 4. หลังจากที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วทำเราทำการปริ้นเอกสารทั้งหมดที่ทางระบบได้ทำการสร้างมาให้ โดยจะแบ่งเป็นเอกสารสำหรับติดกับพัสดุเพื่อเป็นข้อมูลในการจัดส่ง และเอกสารสำหรับให้เรานั้นเก็บเป็นหลักฐานในการจัดส่ง เมื่อเราทำตามขั้นตอนการจัดส่งเรียบร้อยทั้งหมดแล้วให้เรานั้นทำการรอการติดต่อจากรถที่จะเข้ามารับพัสดุจาก DHL ในวันที่เราเลือกที่จะให้เข้ามารับพัสดุ สิ่งสำคัญเลยที่ต้องเตรียมก่อนจัดส่งเลยก็คือการแพ็คพัสดุให้เรียบร้อยพร้อมกับการติดเอกสารข้อมูลการจัดส่งไปที่บรรจุภัณฑ์ของพัสดุ แต่ถ้าจะจัดส่งเป็นของชิ้นไม่ใหญ่มากก็สามารถขอซอง DHL จากคนที่มารับพัสดุได้ก็จะง่ายและสะดวก การจัดส่งของไปต่างประเทศนั้นมันจะมีความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยและความล่าช้าอยู่บ้างในบางกรณีอาจจะทำให้จะมีค่าจัดส่งที่สูงขึ้นมาก หากผู้ประกอบการที่จะต้องสินค้าไปให้ลูกค้าในต่างประเทศก็ควรที่จะทำการตรวจสอบค่าจัดส่งให้เรียบร้อยก่อนแจ้งให้ลูกค้าทราบไม่ซะนั้นอาจจะทำให้ขาดทุนจากค่าจัดส่งได้ หรือถ้าหากมีข้อสงสัยในขั้นตอนใดก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจาก Call Center DHL ได้ที่เบอร์ : 02-345-5000เครดิตรูปภาพทั้งหมด โดย : ผู้เขียนบทความ ส่องที่เที่ยว พิกัดลับห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวยที่ทรูไอดีคอมมูนิตี้