เปิดมุมมอง 4 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index ปิดที่ระดับ 1644.01 จุด (+5.28 จุด) ดัชนีปรับตัวขึ้นมาใกล้แนวต้าน High เดิมบริเวณ 1645-1650 จุด ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสได้เห็นการชะลอตัวในรอบสั้นเกิดขึ้นได้ หากพิจารณาตามภาพใหญ่ มีโอกาสเข้าสู่รอบการพักตัว
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น ถือรันเทรนต่อ จนกว่าดัชนีจะอ่อนตัวหลุด 1600 จุด (หรือ รอทยอยขายทำกำไรที่บริเวณ 1645-1650 จุด)
ไม่มีหุ้น รอผ่าน 1655 จุด เก็งกำไรตาม
แนวรับ 1640/1630 แนวต้าน 1650/1655
**บล.เคทีบีเอสที ประเมินดัชนีฯ น่าจะปรับตัวสูงขึ้น Flow ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเซีย 3 วันติดต่อกัน หุ้นไทยแรงยังดีหลังจบการส่งงบไปแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าต่อนำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้น (Dollar Indec 95.9 จุด) มองว่าตลาดสหรัฐฯ ยังอยู่ในโหมดของ Reflation คือ เศรษฐกิจฟื้นภายใต้ระดับเงินเฟ้อที่ยังไม่รุนแรง ดีต่อกำไรของตลาดและบรรยากาศการลงทุนมาถึงตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก เม็ดเงินนักลงทุนต่างประเทศเข้าตลาดหุ้น 6 ประเทศของเอเซีย 3 วัน ถึง $2.8 พันล้านเหรียญ
นอกจากตลาดหุ้นไทยที่ได้อานิสงค์แล้ว หุ้นไทยที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ จะเป็นหุ้นที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ อาทิหุ้นธนาคาร (ชอบ KBANK, SCB) ปัจจัยในประเทศ ผ่านช่วงของการส่งงบไปแล้ว แนวโน้มตลาดยังดีต่อเนื่อง โดยวันนี้ มองข้ามไป 4Q และ ปีหน้า กันแล้ว โดยคาด 4Q-21 กำไรตลาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้วยกำลังซื้อในประเทศ และมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ ปรับเป้าดัชนีฯ ปี 2022 ขึ้นไปเป็น 1737 จุด ตัวเลขเศรษฐกิจ สำคัญๆ ตัวเลขเงินเฟ้อของยุโรป (คาด 4.1% YoY) และตัวเลขสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (คาด 1.2% MoM)
Strategy
ตลาดยังเป็นจังหวะของการสะสมหุ้นที่ราคาขึ้นไม่มากและหุ้นเติบโตดี (special report วันนี้ เราแนะนำ BEC, SAPPE, RS, CPNREIT, EA) ส่วนหุ้นที่อยู่ในกระแสการลงทุน 3 กลุ่มที่คาดจะโดดเด่นจากนี้ไปอีกระยะหนึ่ง คือหุ้นอิงการเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้าสู่ Digital Economy -หุ้น EV ... สำหรับพอร์ตหุ้นวันนี้ เราเพิ่มการถือหุ้นมากขึ้น รับแนวโน้มตลาดที่กำลังดี โดยนำ PTG, SIS, AOT ออก และนำหุ้น NER เข้ามาแทน และเพิ่มน้ำหนัก UBE, SAK, SECURE ขึ้นเป็น 15% หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย NER(15%), UBE*(15%), EA*(15%), BJC*(15%), SAK(15%), SECURE*(15%)
UBE*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 2.16 บาท) “ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจะโตเด่นในปี ‘22”
• ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังคือ New S Curve ของการเติบโต พร้อมมาร์จิ้นที่สูง คาดช่วยดันกำไรในปี 22-23 อย่างมีนัยสำคัญ
• ธุรกิจฝั่งพลังงาน (เอทานอล) จะมียอดขายที่ดีขึ้นหลังการเปิดเมือง คาดจะฟื้นตัวต่อในปี 2022
• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรปี 21-22 เฉลี่ยที่ 445 ลบ. และ 563 ลบ. +348%YoY, +26%YoY
Technical : INTUCH, SVT
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดแนวโน้มตลาดวันนี้ SET Index จะยังสามารถแกว่งตัว Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,640-1,650 จุด โดยคาดยังมีโอกาสได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งตลาดยังคาดหวังเชิงบวกระยะกลาง-ยาวต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังเปิดเมืองและเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแล้ว ขณะที่ผลประกอบการและ GDP 3Q21 หดตัวชั่วคราวและผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ก่อนทยอยฟื้นใน 4Q21 เป็นต้นไป ยังให้น้ำหนักบวกกับหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ที่เห็นสัญญาณฟื้นตัวของการดำเนินงานที่ชัดเจน
ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวคาดต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค.-ม.ค. นี้ก่อน ยังมองจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,600+- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่ม และเน้นหุ้นที่ยัง Laggard SET Index และยังมี Valuation ที่ต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร อสังหาฯ รับเหมาฯ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE
หุ้นเด่นวันนี้ : CPN
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 68 บาท
• คาดกำไร 4Q21 ฟื้นตัวเด่นที่ราว 1.5-1.7 พันลบ. หลังกลับมาเปิดห้างได้ตามปกติและ Traffic ฟื้นกลับมาที่ราว 80% เทียบกับก่อน Lockdown ทำให้ส่วนลดที่ให้ผู้เช่าทยอยลดลง
• ระยะยาวมีแรงหนนุจากทั้งการลงทุนใน SF และห้างใหม่ทั้งเซ็นทรัลศรีราคาและอยุธยา รวมถึงการ Renovate Isetan เราคาดกำไรปี 2022-2023 +95% Y-Y และ +32% Y-Y
• แนวรับ 57-57.50 บาท แนวต้าน 22.50//59.50-60 บาท
**บล.คิงส์ฟอร์ด มองดัชนี SET ได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติ แต่อาจเป็นลักษณะทยอยซื้อสะสม ระหว่างรอประเมินความเสี่ยงเงินเฟ้อ และปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด วางแนวรับดัชนีที่ 1,635 แนวต้าน 1,650 – 1,660 แนะนำซื้อเก็งกำไร JMART, JMT, SINGER, COM7, INTUCH, STEC
แนะนำ AUCT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.80 บาท) รายงานกำไร 3Q64 ที่ 60 ล้านบาท +32%QoQ, +51%YoY รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นตามปริมาณรถที่เข้ามาประมูล ขณะที่การประมูลผ่านช่องทางออนไลน์ช่วยลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ GPM ดีขึ้น สำหรับแนวโน้ม 4Q64 คาดผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้บริษัทสามารถกลับมาประมูลที่ลานประมูลได้ รวมถึงได้รับปัจจัยบวกตามฤดูกาลที่สถาบันการเงินจะเร่งนำรถเข้าประมูลก่อนที่ราคาจะตกในปีถัดไป ส่วนในปี 65 คาดว่าตลาดประมูลรถจะฟื้นตัว โดยปริมาณรถเข้าระบบจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณหนี้เสียของสถาบันการเงิน รวมถึงบริษัทได้พันธมิตรรายใหม่ๆ ช่วยต่อยอดการประมูลสินค้าประเภทต่างๆ หลากหลายมากขึ้น
แนะนำ WHA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.98 บาท) ได้ประโยชน์จากภาพของการระบาดโรค Covid-19 ที่ดีขึ้น และการ Reopening ส่งผลให้การเจรจากับลูกค้าต่างชาติในแง่ของการขายที่ได้กลับมาดำเนินได้ต่อเนื่อง (เป้าในปีนีที่ 820 ไร่) โดยเฉพาะช่วง Q4 เป็น High season อยู่แล้วและจะมีแรงหนุนจากการขายสินทรัพย์เข้า WHART (สินทรัพย์ที่จะขายเข้าในปีนี้ มูลค่า 5,550 ลบ.) ด้านธุรกิจ Utility คาดว่า Q4 กลับสู่ปกติหลักจากที่ก่อนหน้านี้ โรงไฟฟ้า Gheco-one มีการปิดซ่อมบำรุง ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี64 และ ปี65 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 63 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.18 บาท/หุ้น, และ 0.23 บาท/หุ้น ตามลำดับ