รีเซต

แบงก์ชาติ จับตาเงินเฟ้อใกล้ชิด รับเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เป็นวงกว้าง ย้ำให้ความสำคัญฟื้นตัวเศรษฐกิจ

แบงก์ชาติ จับตาเงินเฟ้อใกล้ชิด รับเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เป็นวงกว้าง ย้ำให้ความสำคัญฟื้นตัวเศรษฐกิจ
มติชน
11 กุมภาพันธ์ 2565 ( 14:57 )
71
แบงก์ชาติ จับตาเงินเฟ้อใกล้ชิด รับเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่เป็นวงกว้าง ย้ำให้ความสำคัญฟื้นตัวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 มีแนวโน้มสูงกว่ากรอบเป้าหมายในช่วงแรกของปีนี้ และมีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงหลังของปี โดยอัตราเงินเฟ้อล่าสุด ณ เดือนมกราคมปรับเพิ่มมาที่ 3.23% จากราคาพลังงานเป็นสำคัญโดยราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นถึงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และอาหารสด เช่น เนื้อหมู โดยจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาเป็นการปรับขึ้นราคาสินค้าเฉพาะบางหมวด ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ สินค้าพร้อมกันเป็นวงกว้าง โดยที่มีสินค้าและบริการ 188 รายการจาก 430 รายการ มีราคาทรงตัวหรือลดลง

 

“สำหรับเงินเฟ้อในระยะต่อไป แนวโน้มของราคาน้ำมันรวมถึงการคลี่คลายของปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ตู้คอนแทนเนอร์ และเนื้อหมู จะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงได้ อีกทั้งกำลังซื้อที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์อยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3%” นายสักกะภพ กล่าว

 

นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หลายครั้งราคาปรับสูงขึ้นชั่วคราวหรือเฉพาะสินค้า เช่น ในกรณีสินค้าขาดตลาดจากน้ำท่วมหรือโรคระบาด ราคาจะปรับลดลงเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ในทางตรงข้ามการปรับขึ้นราคาที่น่ากังวลจะมีลักษณะเป็นวงกว้างในหลายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยมากเกิดจากความต้องการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและกำลังซื้อที่อยู่ในระดับสูง ทำให้มีความต้องการสินค้าอย่างมากขณะที่ปริมาณสินค้าที่มีไม่เพียงพอกับความต้องการซื้อของผู้บริโภค

 

การเปลี่ยนแปลงของราคาที่ควรต้องเฝ้าระวัง คือ (1) ราคาเพิ่มขึ้นในหลายหมวดสินค้าพร้อม ๆ กัน (2) ราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนาน และ (3) ราคาที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อพฤติกรรมการตั้งราคาและมุมมองอัตราเงินเฟ้อในอนาคต เพราะหากผู้บริโภคมีมุมมองว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะเพิ่ม อาจยิ่งเพิ่มความต้องการซื้อสินค้าต่าง ๆ ตั้งแต่วันนี้และทำให้ราคาเพิ่มขึ้นทันทีในวันนี้ และการเพิ่มขึ้นของราคาในวันนี้ก็จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคมองว่าเงินเฟ้อในอนาคตจะเพิ่มขึ้นไปอีก

 

นายสุรัช กล่าวว่า ในมุมมองของผู้ประกอบการ หากคาดว่าราคาสินค้าและวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้นในอนาคต อาจมีการกักตุนวัตถุดิบล่วงหน้าซึ่งอาจทำให้ราคาวัตถุดิบปัจจุบันปรับขึ้น หรืออาจมีการขึ้นราคาสินค้าล่วงหน้าเผื่อต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งทั้ง 2 ทางนี้ทำให้ราคาสินค้าและวัตถุดิบปัจจุบันเพิ่มขึ้น และยิ่งทำให้ผู้ประกอบการคิดว่าราคาในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ มุมมองที่ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอาจทำให้ลูกจ้างเรียกร้องค่าจ้างเพิ่ม ซึ่งหากนายจ้างเพิ่มค่าจ้างให้จริง ผู้ประกอบการอาจต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวดีและผู้บริโภคยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อซื้อสินค้านั้น ๆ

นางรุ่งพร เริงพิทยา ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. เปิดเผยว่า ประชาชนที่บริโภคสินค้าและบริการที่มีการขึ้นราคาในสัดส่วนที่สูงกว่า จะรับรู้ถึงผลกระทบของราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคนกลุ่มอื่น อาทิ หากราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มปรับสูงขึ้น กลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยซึ่งมีสัดส่วนการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มถึง 45% จะได้รับผลกระทบมากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มครัวเรือนรายได้สูงที่ 26%

“ธปท. จะติดตามภาวะและแนวโน้มเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นโยบายการเงินยังให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็ว จะทำให้เกิดการจ้างงาน ส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเปราะบางจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นขณะที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ นอกจากนี้ ธปท. ได้ออกมาตรการการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อลดภาระหนี้ แก้หนี้เดิม เติมเงินใหม่ให้กับประชาชน เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะข้างหน้า” นางรุ่งพร กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง