วันนี้...ผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้วการตลาดจะตามทันหรือไม่ หากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน การทำการตลาดอาจยังเน้นที่สื่อดั้งเดิมและกลยุทธ์กว้าง ๆ ที่หวังว่าจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายบางส่วน แต่วันนี้…เกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน การตลาดก็พลิกแนวทางจากเดิมมาเน้นการสื่อสารแบบเฉพาะบุคคล อย่างเต็มตัว ข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคถูกรวบรวมผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และนำมาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์สิ่งที่ลูกค้าสนใจ แล้วส่งข้อความการตลาดที่ตรงจุดออกไปในวินาทีที่เหมาะสม เราทุกคนคงคุ้นเคยกับประสบการณ์ที่เพิ่งพูดถึงสินค้าใดสินค้าหนึ่ง แล้วโฆษณานั้นก็ปรากฏบนหน้าฟีดของ Facebook หรือ YouTube นั่นคือพลังของอัลกอริทึมและระบบติดตามข้อมูลที่ทำให้การตลาดไม่ใช่เรื่องของการหว่าน แต่เป็นการยิงเป้าอย่างแม่นยำ !!! นอกจากเทคโนโลยี AI ที่เข้ามาที่บทบาทแล้ว การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต่อเนื่องมาจากยุค Covid19 เองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่เกิดปรากฏการณ์ New Normal ทำให้ผู้คนให้สำคัญ และเน้นการขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะทางออนไลน์ ตอบสนองความสะดวกสบาย เข้าถึงได้ง่าย ข้อมูลที่รวดเร็ว เพื่อใช้ตัดสินใจได้ทันที และการหันมาใส่ใจ สุขภาพกาย และจิตใจมากขึ้น เมื่อประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ในปี 2025 และกระแสความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่กดดันธุรกิจให้ปรับตัว การตลาดในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การขายของ แต่เป็นการสื่อสารคุณค่าที่สังคมยอมรับและสนับสนุน และกระแสความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ที่บังคับให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว และต้องนำแนวคิด ESG และ Sustainability มาเริ่มปรับใช้ในธุรกิจของตนเอง เพื่อให้ทันต่อกระแสความกดดันของโลก ส่วนตัวดิฉันคาดการณ์ว่า Consumer behavior ของผู้บริโภคในอีก 1-2 ปี ข้างหน้านี้จะเปลี่ยนไปจากสาเหตุปัจจัยข้างต้นที่ได้กล่าว จากการวิเคราะห์ และรวบรวมข้อมูลจากหลายที่มาที่เกี่ยวข้อง สรุปแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภค ขอแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลักตามแนวคิด Psychographic และ Behavioral Segment ดังนี้ค่ะ 1. ผู้บริโภคสายมินิมอล เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง พวกเขาเบื่อความวุ่นวายของชีวิตเมืองและการแข่งขันที่ไม่จบสิ้น จนทนไม่ไหว "และตะโกนในใจดังๆว่าฉันไม่สนอะไรแล้วโว้ย! " หันมาหาความสุขจากความเรียบง่ายแทน เช่น การหนีไปพักผ่อนเงียบ ๆ การใช้ชีวิตอย่างมีสติ หันกลับมาดูแลใส่ใจสุขภาพจิตตัวเอง หยุดเล่นโซเชียลชั่วคราว ไปพักใจตามที่เงียบสงบ ให้ความสำคัญกับครอบครัว และอยู่กับกลุ่มคน หรือ Community ที่เขาเลือกเอง เช่น กลุ่มคนทำงานที่เบื่อหน่ายกับความ Toxic ในที่ทำงาน เลือกลาออกมาทดลองใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการค่ะ ลักษณะเฉพาะของลูกค้ากลุ่ม (Customer Profile): จะหันมาใส่ใจความเป็นอยู่ของตัวเอง ทั้งร่างกายและจิตใจ จะเห็นได้จากเทรน Self-Care ในปัจจุบันที่คนชอบพูดถึงเทรน Mental health มากขึ้น มีความสุขหรือฉลองกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ สิ่งที่แบรนด์ควรทำ: เสนอผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น ข้อความแสดงความยินดีในวันพิเศษ บรรจุภัณฑ์ที่สื่อถึงความอบอุ่นใจ หรือกิจกรรมที่ช่วยเยียวยาจิตใจ, เวิร์กช็อป/คาเฟ่เล็กๆ ที่มีพื้นที่ให้ได้พักผ่อน, กิจกรรมที่มีให้ร่วมแชร์เรื่องราวตนเอง 2. ผู้บริโภคสายอิสระและหลากหลายอัตลักษณ์ โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่ตั้งคำถามกับกรอบสังคมเดิม ๆ พวกเขาเลือกอยู่ในคอมมูนิตี้ที่มีค่านิยมร่วมกัน สนับสนุนความเท่าเทียม และอยากให้แบรนด์เคารพความหลากหลาย ลักษณะเฉพาะของลูกค้ากลุ่ม (Customer Profile): ไม่ยึดติดกฎเกณฑ์เดิมๆ สร้างกฎเกณฑ์ใหม่, เป็นตัวของตัวเองไม่ตามกระแส, ชอบอยู่กับกลุ่มคนที่มีความคิดคล้ายๆกัน, ไม่ชอบให้ใครมา Defying หรือแบ่งว่าเขาเป็นเพศอะไร เชื้อชาติสีผิวแบบไหน และรักความเท่าเทียมมากๆ สนับสนุนการใช้ชีวิตแบบเลือกได้ ไม่ต้องการให้มาควบคุม สิ่งที่แบรนด์ควรทำ: เสนอผลิตภัณฑ์ด้วยความจริงใจสื่อสารแบบโปร่งใส, มีที่มาที่ไปของแหล่งผลิต, สามารถปรับแต่งเฉพาะส่วนบุคคล หรือกลยุทธ์ Personalized Marketing , ยอมรับความหลากหลาย, เคารพสิทธิของคน, และใส่ใจความเป็นอยู่ของสังคม สิ่งแวดล้อม, มีพื้นที่ให้แสดงออก เปิดโอกาสให้ลูกค้าออกแบบสินค้าด้วยตนเอง เช่น Nike By You หรือ Uniqlo Custom และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องความหลากหลายและความเป็นธรรม 3. ผู้บริโภคที่ต้องการความโปร่งใสและตรวจสอบได้ พวกเขาไม่เพียงต้องการสินค้าที่ดี แต่ต้องการรู้เบื้องหลังการผลิตว่าแบรนด์ทำอะไรกับโลกและสังคมบ้าง หรือเข้าใจง่ายๆว่าผลิตภัณฑ์หรือการบริการทุกอย่างต้องมีการแท็กย้อนกลังได้ว่ามาจากไหน ลักษณะเฉพาะของลูกค้ากลุ่ม (Customer Profile): ชอบให้เปิดเผยข้อมูล , เข้าใจความไม่สมบูรณ์แบบ ชอบแบรนด์ที่แสดงความจริงใจ ไม่พยายามสร้างภาพ สินค้าและบริการที่ซื้อคนกลุ่มนี้ต้องการข้อมูลของการผลิต หรือ Supply Chain ทั้งหมด เช่น วัตถุดิบหลักนำเข้ามาจากไหน มีการตรวจ GMO หรือไม่ ที่ตั้งโรงงานอยู่ที่ไหน มีการกำจัดน้ำเสียอย่างไร และฉลากสินค้าที่ชัดเจน, สื่อสารตรงไปตรงมาไม่หมกเม็ด หรือไม่ใช่เน้นแค่สร้างภาพ PR , มีมาตรฐานการผลิต และที่สำคัญต้องมีจริยธรรมด้วยค่ะ สิ่งที่แบรนด์ควรทำ: เปิดเผยที่มาของวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างตรงไปตรงมา พร้อมเน้นการสื่อสารแบบใช้เหตุผล (Cognitive Marketing) กลุ่มนี้ตัดสินใจโดยใช้ Cognitive involvement สูงดังนั้นในการสื่อสารควรเน้นให้ข้อมูลที่เป็นจริง มีเหตุมีผล ไม่ใช่ Emotional มากเกินไปไม่อย่างนั้นเขาจะคิดว่าคุณพยายามหลอกให้เชื่อเพื่อหวังผลประโยชน์ และถ้าพิสูจน์ได้ว่าแบรนด์หลอกลวง ผลที่ตามมาคือแบรนด์คุณจะถูกแบรนด์ไปตลอดกาล และไม่ได้ผุดได้เกิดเลยก็ว่าได้ 4. ผู้บริโภคผู้รักเทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นกลุ่มที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว และคาดหวังให้แบรนด์ลงทุนกับ R&D เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย เช่น AR, AI หรือ IoT ลักษณะเฉพาะของลูกค้ากลุ่ม (Customer Profile): ชอบใช้เทคโนโลยีมาเสริมทักษะ ศักยภาพของตัวเอง หรือมาช่วยในการทำงานให้ productive มากขึ้นไปอีกแต่ก็ยังให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์มาเป็นอันดับแรก คือ ให้คนนำ AI หรือเรียกว่าอยู่ร่วมกันได้ระหว่าง "คน" กับ "เทคโนโลยี" ที่ร่วมสร้างสิ่งใหม่ไปด้วยกัน สิ่งที่ธุรกิจนำมาประยุกต์ใช้ หรือกลยุทย์ที่ต้องมี : แน่นอนว่าในธุรกิจที่คุณทำอยู่ในปัจจุบัน ต้องรู้จักนำเทคโนโลยีหรือ AI เข้ามาช่วยในสายงานต่างๆ เช่น ฝ่ายผลิต, ฝ่าย Operation หากทำได้ก็จะเป็นผลดีทั้งเรื่องของการลดกำลังคน ลดต้นทุน และสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า ตัวอย่างแบรนด์ Zara AR Shopping Experience ผ่านมือถือในบางสาขา โดยที่ลูกค้าไม่ต้องไปเดินซื้อเอง, Sephora – Virtual Artist (AI) ใช้ AI วิเคราะห์โทนผิวเพื่อแนะนำเฉดสีเครื่องสำอางที่เหมาะสม, IKEA – IKEA Place (AR) ให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือวางเฟอร์นิเจอร์ IKEA เสมือนในบ้านก่อนซื้อจริง สุดท้ายนี้ ในภาพรวมการตลาดยุคนี้ไม่ได้วัดผลที่ยอดขายเท่านั้น แต่ยังต้องตอบคำถามให้ได้ว่า "แบรนด์ของคุณกำลังสร้างคุณค่าอะไรต่อโลก?" อีกทั้งยังมีกระแสของเรื่อง ESG และ Sustainable ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ทุกแบรนด์ควรเริ่มเตรียมตัว และปรับตัวให้สอดคล้องกับค่านิยมเรื่องนี้ ที่จะยิ่งเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรมบนโลกนี้ ตัวอย่างที่น่าชื่นชมคือ Patagonia แบรนด์ที่ไม่เพียงผลิตสินค้าแบบยั่งยืน แต่ยังส่งเสริมให้ลูกค้าซ่อมเสื้อผ้าเก่า ซื้อสินค้ามือสอง และรู้จักคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ผ่านการออกแบบที่ทนทานและนโยบายที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม วันนี้...หากแบรนด์ไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ก็เสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในโลกที่เปลี่ยนเร็วขึ้นทุกวันค่ะ คำถามคือ...เราจะเตรียมตัวเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ หรือ จะรอให้ถึงวันที่โลกบังคับให้เปลี่ยน ? ภาพหน้าปก โดย pikisuperstar จาก freepik ภาพลำดับที่ 1 ที่มาภาพ โดย pikisuperstar จาก freepik ภาพลำดับที่ 2 ที่มาภาพ โดย redgreystock จาก freepik ภาพลำดับที่ 3 ที่มาภาพ โดย freepik จาก freepik ภาพลำดับที่ 4 ที่มาภาพ โดย jcomp จาก freepik ภาพลำดับที่ 5 ที่มาภาพ โดย freepik จาก freepik ภาพลำดับที่ 6 ที่มาภาพ โดย freepik จาก freepik ภาพลำดับที่ 7 ที่มาภาพ โดย frimufilms จาก freepik #การตลาด #การตลาดดิจิทัล #เทรนด์การตลาดวันนี้ #ผู้บริโภคยุคใหม่ #พฤติกรรมผู้บริโภค #DigitalMarketing #AIในธุรกิจ #Sustainability #ESG #แบรนด์ยุคใหม่ #GenZMarketing #Psychographic #PersonalizedMarketing #MarketingStrategy #แบรนด์เพื่อความยั่งยืน #แบรนด์รักษ์โลก #Marketing2025 #ConsumerTrends #NewNormal #MarketingForFuture เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !