คุณผู้อ่านขี้เกียจกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ครับ สำหรับผมแม้แต่ตอนนี้ก็ยังขี้เกียจแบบสุด ๆ ไปเลย แล้วก็นำมาซึ่งแรงบันดาลใจในการเขียนบทความนี้ขึ้นมา กล่าวคือผมกำลังคิดว่าไอ้เจ้าก้อนความขี้เกียจเนี่ยะมันเกิดขึ้นจากอะไร ในเมื่อมันเป็นสิ่งชั่วร้ายเกิดขึ้นเมื่อไหร่บั้นปลายที่ทิ้งไว้ก็มีแต่ความชิบหายกับหายนะ แต่ทำไมมนุษย์ถึงยังสร้างสิ่งนี้ออกมาเรื่อย ๆ เคมีในสมองเราควรจะมอบแต่สิ่งดี ๆ ให้เราไม่ใช่เหรอ ตามมาครับผมจะเล่าให้ฟัง เพราะหลังจากที่ผมลองใช้ประสบการณ์ตัวเองประเมินดูแล้วเนี่ยะ ผมว่า "ความขี้เกียจ" ก็มีความลึกลับพิศวงที่น่าเห็นใจซ่อนอยู่ 1. เราขี้เกียจเพราะขาดแรงจูงใจ + เป้าหมายชีวิต เคยได้ยินการทำงานแบบขอไปทีไหมครับ คือทำไปงั้น ๆ ทำไปวัน ๆ พอให้ได้ค่าตอบแทน ทำไปก็ไม่เห็นอนาคต ขยันแทบตายก็ไม่ได้อะไรกลับมา วันไหนเกิดอยากลองของทำน้อยลงหน่อย เอ้า! ทำไมผลตอบแทนก็ยังเท่าเดิม แล้วเราจะทนเหน็ดเหนื่อยไปทำไม เจอสถานการณ์แบบนี้ติดกันหลายวันเข้า เป็นเดือนเป็นปีผ่านไปใครมันจะไม่ขี้เกียจ เหมือนปลูกดอกไม้ในกระถาง รดน้ำเท่าไหร่ก็ไม่สูงใหญ่เป็นไม้ยืนต้นขึ้นมาได้ ต้นสูงอยู่เท่าเดิม กลีบดอกกลีบใบคงจำนวนอยู่เหมือนเดิม มองเห็นทีไรมีแต่ความท้อแท้ ขี้เกียจสิครับจะเหลือเหรอ! ไม่เห็นฟิลลิ่งที่จะไปต่อได้เลย 2. เราขี้เกียจเพราะร่างกายเราไม่เต็มร้อย สุขภาพไม่ดี อันนี้ก็มีผลครับ ถ้าคืนนั้นเรานอนตี 4 แล้วต้องตื่นมาทำงานตอน 8.00 น. ผมว่าความบรรลัยน่าจะเกิดแก่บริษัท ความขยันคงหมกตัวอยู่บนเตียง ส่วนร่างที่ลุกเดินแบบเอียง ๆ ก็น่าจะฉาบเคลือบไว้ด้วยความขี้เกียจแบบเต็มกราฟ ไม่มีใครขยันตอนนอนไม่พอหรอกครับ แล้วก็ไม่มีใครกระตือรือร้นตอนรู้สึกเจ็บป่วยด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจู่ ๆ คุณรู้สึกขี้เกียจขึ้นมา ก็อาจจะไม่ใช่เพราะคุณเป็นคนนิสัยแย่ คุณแค่ต้องหายาทานสักเม็ด แล้วก็กลับไปนอนให้เพียงพอ ยาพาราอาจจะรักษาโรคขี้เกียจได้มาตั้งนานแล้วนะครับ แค่เราไม่เคยรู้ 3. เราขี้เกียจเพราะวิตกกังวลกลัวความล้มเหลว เคสนี้น่าจะเกิดขึ้นกับกรณีที่เจองานยาก เป็นงานที่ไม่เคยเจอมาก่อนและประเมินแล้วว่าตัวเองมีศักยภาพที่ต่ำเกินไป เราคงทำงานนี้ไม่ได้ เราไม่ได้จบมาทางนี้ นี่มันงานของเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง เกิดเป็นความวิตกกังวลเต็มไปหมด จนอยากจะหลบหนีไปจากภาระงานตรงนั้น หรือพูดง่าย ๆ คือวิถีแห่งการหนีปัญหานั่นเอง แล้วพอเรายิ่งหนีงานก็ยิ่งไม่ได้รับการเคลียร์ ครั้นพอคิดจะเคลียร์ก็ดันสู้ไม่ได้ล้มเหลวไม่เป็นท่าอีก วันแล้ววันเล่ามีแต่แพ้กับแพ้ แพ้แล้วแพ้อีกคนช่วยก็ไม่มี จนกระทั่งพอกพูนขึ้นเป็นปมในใจ "ฉันสู้ไม่ไหวแล้ว ฉันขี้เกียจจะสู้กับงานแล้ว" เข้าออฟฟิศมาทีไรต้องเจอกับงานเคสนี้ตลอด ก็เลยพาลให้ขี้เกียจไม่อยากทำไปเลย 4. เราขี้เกียจเพราะเคยชินกับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อันนี้น่าจะใกล้ตัวพวกเราที่สุด ไม่ต้องไปจินตนาการอะไรให้มากความเลยครับคุณผู้อ่าน ลองนึกย้อนถึงตอนที่เราเป็นเด็กแล้วต้องนั่งทำการบ้านหลังเลิกเรียนดู โดยส่วนตัวผมต้องนั่งทำอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้าบ้านทุกวัน เพราะเป็นจุดที่แม่จะสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุด พอแม่เห็นแม่ก็จะชมว่าเราเป็นเด็กขยันตั้งใจเรียน แต่ความเป็นจริงคือผมโคตรจะขี้เกียจเลย! ผมทั้งเบื่อทั้งร้อน บรรยากาศเดิม ๆ สถานที่เดิม ๆ ไม่ทำให้ผมเจริญปัญญาขึ้นเลย กลับกันดันมีแต่ความขี้เกียจที่แทรกซึมอยู่ทุกอณูรูขุมขน ขนาดกับข้าวเรายังไม่กินของเดิม ๆ เลยครับ แล้วประสาอะไรกับสถานที่ ถ้าทำซ้ำ ๆ ที่เดิม ๆ บ่อย ๆ ยังไงคนเราก็ต้องขี้เกียจ อย่างไปโรงเรียนอย่างงี้ ไปที่เดิม ๆ มาตั้งแต่ ม.1 - ม. 6 เด็กคนไหนไม่ขี้เกียจไปโรงเรียนบ้าง ยกมือให้ผมเห็นหน่อยเถอะครับ สรุปสุดท้าย จะเห็นว่าคนที่ขี้เกียจไม่ใช่คนแย่ที่นิสัยไม่ดี เบื้องหลังประตูพิศวงพอเราได้ลองไขกุญแจเข้าไปดู กลับพบว่าพวกเขาช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจ การถูกตีตราด้วยถ้อยคำในเชิงลบทำให้พวกเขาดูแย่ แต่คุณผู้อ่านอย่าลืมนะครับว่า มีหลายครั้งและหลายเคสเหมือนกันที่ความขี้เกียจกลับนำมาซึ่งนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก เช่น ถ้าคนไม่ขี้เกียจเราคงไม่มีธุรกิจเดลิเวอรี่ , เราคงไม่มีคาร์แคร์ล้างรถถ้าคนขยันล้างรถกันเอง ฯลฯ และในบางกรณีก็ทำให้เราหาวิธี “ทำให้งานเสร็จเร็วที่สุดด้วยแรงน้อยที่สุด” ซึ่งนำมาสู่การคิดกลไกอัตโนมัติต่าง ๆ เรียกได้ว่าโลกใบนี้ขับเคลื่อนด้วยความขี้เกียจเลยก็ยังได้ ผมว่าผมชักจะเริ่ม "ขี้เกียจเขียน" แล้วสิครับ และถ้าคุณผู้อ่านเริ่ม "ขี้เกียจอ่าน" ก็แสดงว่าเราเป็นพวกเดียวกัน "เราคือเผ่าพันธุ์ที่จะขับเคลื่อนโลก ฮ่า ๆ ๆ !" เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก : จาก pixabay.com ภาพ ตัวสล็อต โดย SCPotter1948 รูปที่ 1 : จาก pixabay.com ภาพ ผู้ชายง่วงนอน โดย Sammy-Sander รูปที่ 2 : จาก pixabay.com ภาพ เท้าบนเตียงนอน โดย WOKANDAPIX รูปที่ 3 : จาก pixabay.com ภาพ ผู้หญิงนั่งบนเก้าอี้ โดย StockSnap รูปที่ 4 : จาก pixabay.com ภาพ เด็กสะพายกระเป๋า โดย KIMDAEJEUNG เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !