ในเมื่ออาจารย์ไม่เห็นด้วยกับ "ธีสิส" ของผม ผมจะพิสูจน์ให้อาจารย์ได้เห็นว่า สิ่งที่ผมทำนั้นมันสามารถใช้งานได้จริง !! และนี่คือจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่จะถูกกล่าวขานไปอีกนาน จากความผิดหวังปนความเเค้นของนักศึกษาฟิลิปปินส์วัย 24 ปี ผู้พัฒนาโปรแกรมและถูกอาจารย์ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เเละเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เขาพัฒนาขึ้นมานั้น มันประสบความสำเร็จมากแค่ไหน. จุดเริ่มต้นของ "จดหมายรัก" ณ วันที่ 4 พฤษภาคม ในปี ค.ศ. 2000 หรือตรงกับปี พ.ศ. 2543 ที่ดูเหมือนจะเป็นวันปกติทั่วไป กลับมีวายร้ายผู้มาในรูปแบบของคิวปิด (เทพแห่งความรัก หรือกามเทพ) แผลงศรใส่คอมพิวเตอร์ทั่วโลกในรูปแบบของไวรัสคอมพิวเตอร์ ในตอนนั้นมันถูกเรียกว่า Love Bug หรือ Love Letter โดยภายใน 1 วันหลังจากที่มันถูกปล่อยออกมาสู่สาธารณะ มีคอมพิวเตอร์ที่ตกเป็นเหยื่อกว่า 3 ล้านเครื่องที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็นไวรัสที่เพิ่มจำนวนเร็วที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมาเลยทีเดียว เครดิตภาพ : www.somagnews.com โดยการทำงานของไวรัสตัวนี้ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เหยื่อจะได้รับอีเมลที่มีชื่อว่า I Love You ภายในอีเมลจะมีไฟล์แนบที่ตั้งชื่อไว้ว่า Love-Letter-For-You.txt เมื่อใดที่เหยื่อเปิดไฟล์แนบนี้ขึ้นมา โค้ดภายในจะเพิ่มจำนวนตัวเองขึ้นแล้วสร้างอีเมลแบบเดียวกันส่งต่อไปให้เพื่อนที่อยู่ใน Address book ซึ่งคล้ายกับไวรัส Worm คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมแค่ไฟล์ Text (.txt) ถึงสร้างความเสียหายได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งแท้จริงแล้วนามสกุลไฟล์ของจริงมันคือ .vbs ซึ่งเป็นนามสกุลของสคริปต์ที่ใช้ควบคุมระบบบน Windows เนื่องจากนามสกุลจริงถูกซ่อนเอาไว้ แล้วโปรแกรมสแกนไวรัสในเวลานั้นยังไม่รู้จักไวรัสตัวนี้ จึงไม่สามารถตรวจจับความผิดปกติของไฟล์สคริปต์นี้ได้ จนสุดท้ายแล้วคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นจะเกิดการติดเชื้อแบบหาทางแก้ไม่ได้ เรียกได้ว่า R.I.P (สู่สุขติ) รอเลยล่ะครับ เครดิต https://www.pexels.com/ แล้วไอเจ้าไวรัสตัวร้าย ที่มีชื่อสุดแสนจะน่ารักนี้มันทำงานยังไงกันล่ะ? โดยเจ้าไวรัสที่ว่านั้นจะเข้ามาแฝงตัวอยู่ภายในในคอมของเรา มันจะค้นหาไฟล์จำพวกเพลง MP3 หรือรูปภาพ .JPG ที่คุณเซฟไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วแทนที่ด้วยไฟล์ Love-Letter-For-You.txt ของตัวเอง สุดท้ายไวรัสจะขโมยรหัสผ่านของ Windows เครื่องนั้นส่งกลับไปยังฐานข้อมูลต้นทาง เจ้าไวรัส Love Bug หรือ Love Letter จะถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์กว่า 45 ล้านเครื่องทั่วโลกภายใน 1 สัปดาห์ และไวรัสตัวนี้ยังสามารถเจาะทะลวงองค์กรที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลกได้ นั่นก็คือ – คอมพิวเตอร์ของกองทหารสหรัฐฯ ในตึกเพนตากอน ซึ่งถูกโจมตีด้วยไวรัส I Love You ที่ส่งมาในอีเมล และเกิดความเสียหายในเวลาต่อมา https://www.pexels.com/ ค้นหาผู้ร้าย กองกำลังตำรวจข้ามแม่น้ำโปโตแมคไปที่สำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอวอชิงตันดีซี เจ้าหน้าที่กำลังหัวปั่นเเละเตรียมการเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์การโจมตีทางไซเบอร์นี้ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานแห่งชาติ (NIPC) ซึ่งเป็นหน่วยงานระหว่างรัฐบาลที่ค่อนข้างใหม่ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ Vatis ได้รับการปลุกให้ตื่นเมื่อต้นวันที่ 4 พฤษภาคมด้วยข่าวของไวรัส ILOVEYOU ที่โจมตีในสหรัฐอเมริกา และได้รับการแจ้งเตือนของ ไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ซึ่งระบุว่าเป็น LoveLetter หรือ LoveBug ว่าจะถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกผ่านทาง e-mail" แต่มันก็สายเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และการทหารตลอดจน บริษัท เอกชนหลายสิบแห่งไม่ให้ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น ในขณะที่ บริษัทเกี่ยวกับซอร์ฟแวร์ที่ทำเกี่ยวกับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสเริ่มเปิดอัพเดทแพตช์อย่างช้าๆเพื่อป้องกันความเสียหายให้เกิดน้อยที่สุด โดยยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นเเละทำให้บริษัทต่างๆกลับมาออนไลน์ได้ ความสนใจภายใน FBI จึงหันไปติดตามผู้ที่รับผิดชอบ การสอบสวนนำโดยสำนักงานภาคสนามของนิวยอร์กซึ่งในไม่ช้าก็พบหลักฐานที่ชี้กลับไปทางตะวันออกนอกเหนือจากฮ่องกงไปยังฟิลิปปินส์ "ในช่วงเวลาสั้น ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการระบุตัวบุคคลในฟิลิปปินส์และขอความช่วยเหลือจากการบังคับใช้กฎหมายของฟิลิปปินส์" วาติสซึ่งปัจจุบันเป็นหุ้นส่วนของสำนักงานกฎหมายแห่งนิวยอร์ก Steptoe กล่าว "และหลังจากนั้นไม่นานทางการฟิลิปปินส์ก็ทำการจับกุมอาชญากรไซเบอร์คนนี้ได้ในที่สุด" ปฏิบัติการจับกุมตัวอาชญากรไซเบอร์ตัวฉกาจ สี่วันหลังจากไวรัสเริ่มแพร่ระบาดตำรวจฟิลิปปินส์ได้ตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ในกรุงมะนิลาและยึดนิตยสารคอมพิวเตอร์, โทรศัพท์, ดิสก์สายไฟ และเทปคาสเซ็ต พวกเขายังจับกุมหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด Reomel Ramones สาววัย 27 ปีซึ่งทำงานที่ธนาคารในท้องถิ่นดูเหมือนจะเป็นแฮ็กเกอร์ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้และเจ้าหน้าที่สืบสวนสงสัยว่าพวกเขาจับกุมคนผิดหรือไม่ ความสนใจหันไปที่ผู้อยู่อาศัยอีกสองคนในอพาร์ตเมนต์: ไอรีนเดอกุซแมนแฟนสาวของราโมนส์และโอเนลพี่ชายของเธอ Onel de Guzman ซึ่งไม่ได้อยู่ในอพาร์ตเมนต์เมื่อถูกบุกค้นและไม่พบใครเป็นนักศึกษาที่ AMA Computer College วิทยาลัยแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกลุ่มแฮ็กที่นิยามตัวเองว่าเป็น GRAMMERSoft ซึ่งจะรับงานกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ในการโกงข้อสอบ หรืองานวิจัยต่างๆ ในขณะที่ตำรวจไม่สามารถพิสูจน์ได้ในตอนแรกว่า de Guzman ซึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้ให้หลักฐานวิทยานิพนธ์ฉบับสุดท้ายที่เขาเขียนขึ้นซึ่งถูกปฏิเสธโดยมีรหัสสำหรับโปรแกรมที่มีความคล้ายคลึงกับ ILOVEYOU อย่างน่าตกใจ ในวิทยานิพนธ์ฉบับร่าง เดอกุซแมนเขียนว่าเป้าหมายของโปรแกรมที่เขาเสนอคือ "รับรหัสผ่าน Windows" และ "ขโมยและดึงข้อมูลบัญชีอินเทอร์เน็ต จาก คอมพิวเตอร์ของเหยื่อ" ในขณะนั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบ Dial-up ในฟิลิปปินส์จะจ่ายเป็นรายนาทีซึ่งตรงกันข้ามกับค่าธรรมเนียมการใช้ใช้จ่ายบัตรต่างๆในยุโรปและสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ ความคิดของ De Guzman คือผู้ใช้ในประเทศกำลังพัฒนาอาจหันกลับมาสนใจการเชื่อมต่อของผู้ที่อยู่ในประเทศที่ร่ำรวยกว่าและ "ใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายเงิน" เมื่ออ่านข้อเสนอของเขาครูของเดอกุซมานรู้สึกขุ่นเคืองและเขียนว่า "เราไม่ผลิตพวกหัวขโมย" และ "สิ่งนี้ผิดกฎหมายเเละไม่ถูกต้อง" Onel de Guzman, seen here in May 2000, was quickly accused of being the author of the ILOVEYOU virus. CR : edition.cnn.com สุดท้ายแล้วผลการสืบสวนของ Onel de Guzman สิ่งที่เขาได้ทำไว้กับชาวโลกอาจทำให้เขาถูกจำคุกหัวโต ทว่าในเวลานั้นในฟิลิปปินส์ยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์ แม้ว่าจะมีการร่างกฎหมายขึ้นมาหลังจากการสืบสวนสำเร็จแล้ว แต่กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังได้ จึงไม่สามารถเอาผิด Onel ได้เลยแม้แต่ประการเดียว เรียกได้ว่าโชคดีเอามากๆ อย่างไรก็ตาม ชาวฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยกลับมอง Onel เป็นเสมือนฮีโร่ของประเทศ เพราะเขาทำให้คนทั่วโลกรู้ว่าชาวฟิลิปปินส์นั้นมีสุดยอดอัจฉริยะอันปราดเปรื่องอยู่ด้วย ขนาดที่ว่าสามารถเจาะเข้าถึงระบบกองทหารในตึกเพนตากอนได้ ถึงจะเป็นประเทศโลกที่ 3 ถึงจะมีวิทยาการล้าหลังอย่างที่หลายชาติมอง แต่ยังมีคน ๆ หนึ่งที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ก็แล้วกัน ( แหม่ ไม่ค่อยจะยอกันเลยนะครับเนี่ยย... ) ไวรัส I Love You สามารถถูกกำจัดได้ด้วยการออกอัปเดตของโปรแกรมสแกนไวรัส แม้ว่าในปัจจุบันเจ้าไวรัสตัวนี้จะไร้พิษสงค์ไปแล้ว แต่วีรกรรมของผู้สร้าง Love Letter หรือ Love Bug คนนี้ ก็สามารถเป็นเรื่องเล่าขานของเหล่าแฮ็กเกอร์ไปที่ยาวนาน แล้วสามารถเป็นครูมวยชั้นดีว่า ควรให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มากกว่านี้ และอย่าได้เปิดไฟล์อะไรมั่วซั่วล่ะ เดี๋ยวคุณอาจจะได้รับจดหมายรักที่คุณอาจจะไม่อยากได้โดยไม่รู้ตัว... อ้างอิงจาก https://edition.cnn.com/2020/05/01/tech/iloveyou-virus-computer-security-intl-hnk/index.html https://www.bbc.com/news/10095957