รีเซต

บีไอจีร่วมทุนปตท เดินเครื่องโรงแยกอากาศไฮเทค ก.ย. นี้ - ชี้ลดการพึ่งพาการใช้ไฟฟ้า

บีไอจีร่วมทุนปตท เดินเครื่องโรงแยกอากาศไฮเทค ก.ย. นี้ - ชี้ลดการพึ่งพาการใช้ไฟฟ้า
ข่าวสด
13 กันยายน 2564 ( 16:29 )
48
บีไอจีร่วมทุนปตท เดินเครื่องโรงแยกอากาศไฮเทค ก.ย. นี้ - ชี้ลดการพึ่งพาการใช้ไฟฟ้า

 

นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด (บีไอจี) ในฐานะผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมของประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการโรงแยกอากาศแห่งใหม่ (Air Separation Unit : ASU) ในนามบริษัท มาบตาพุด แอร์โปรดักส์ จำกัด (Map Ta Phut Air Products Co., Ltd. : MAP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อต่อยอดนวัตกรรมร่วมกันระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบีไอจี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนก.ย.นี้ ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตก๊าซอุตสาหกรรม 450,000 ตันต่อปี

 

 

โครงการดังกล่าวนับเป็นโรงแยกอากาศแห่งแรกในประเทศไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใช้เทคโนโลยีการแยกอากาศโดยอาศัยพลังงานความเย็นที่ได้จากการเปลี่ยนสถานะก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่คลังเก็บแอลเอ็นจี ลดการพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการแยกอากาศ ทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ สู่ชั้นบรรยากาศลดลงส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

 

“โครงการโรงแยกอากาศที่ใช้พลังงานความเย็นจากการเปลี่ยนสถานะแอลเอ็นจีแห่งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของทั้ง ปตท และ บีไอจีที่จะผลักดันการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 28,000 ตันต่อปี และลดการปล่อยน้ำเย็นลงสู่ทะเล 2,500 ตันต่อชั่วโมง พร้อมสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นส่วนสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ : Net Zero Emissions” นายปิยบุตรกล่าว

 

 

โรงแยกอากาศแห่งใหม่นี้ สามารถผลิตได้ทั้งออกซิเจน ไนโตรเจน และอาร์กอน โดยเฉพาะออกซิเจนเหลวสามารถผลิตได้ 140 ตันต่อวัน เมื่อรวมกำลังการผลิตออกซิเจนเหลวเดิมทั้งหมดของบีไอจีแล้ว จะทำให้กำลังการผลิตออกซิเจนเหลวของบีไอจีเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,100 ตันต่อวัน ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปตท. และ บีไอจี จะนำออกซิเจนเหลวที่ผลิตได้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนหน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยวิกฤตอยู่ในอัตราที่สูง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง