สวัสดีครับคุณผู้อ่าน ปัญหา pm2.5 กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่คนไทยต้องเผชิญแทบทุกปีเลยนะครับ โดยเฉพาะช่วงปลายปี - ต้นปีที่ฝุ่นลอยสูงจนหลายคนเริ่มไอ คัดจมูก หรือรู้สึกหายใจไม่สะดวก แต่การแค่ใส่แมสก์ก็อาจไม่เพียงพอแล้ว บทความนี้ผมเลยรวมเทคนิคการเอาตัวรอดที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน สำหรับคนเมือง คนทำงาน และคนที่ต้องออกไปข้างนอกบ่อย ๆ มาฝากกันครับ 1. เช็คค่าฝุ่นทุกวันก่อนออกจากบ้าน เน้นความเรียลไทม์ ก่อนออกไปทำงานหรือไปเรียนควรเช็กค่าฝุ่น PM 2.5 ทุกครั้ง เพราะแต่ละวันความรุนแรงจะไม่เหมือนกัน โดยปัจจุบันก็มีแอพพลิเคชั่นให้เลือกใช้มากมาย อาทิเช่น Air4Thai , AirVisual , DustBoy (บางพื้นที่) ถ้าวันไหนค่าฝุ่น “สีแดง” หรือ “เกินมาตรฐาน” ควรลดกิจกรรมกลางแจ้ง ปิดหน้าต่างให้แน่น และพกแมสก์ N95 ติดตัวไว้เสมอ การรู้สถานการณ์ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณผู้อ่านจัดการวันของคุณได้ดีขึ้นและปลอดภัยกว่าเดิมครับ ขนาดผมผู้เป็นมนุษย์ยุคหิน จ่ายตังค์แบบแสกนยังทำไม่ค่อยเป็น ยังต้องหันมาพึ่งบริการแอพเรียลไทม์เหล่านี้เลยครับ 2. ปรับสภาพแวดล้อมบ้านให้ปลอดฝุ่น ฝุ่น PM 2.5 สามารถเล็ดลอดเข้าบ้านได้ง่ายมาก ดังนั้นควรทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ได้มากที่สุด เทคนิคที่ช่วยลดฝุ่นในบ้านได้จริงก็อย่างเช่น การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA Filter (อย่างน้อย H13 ขึ้นไป) , การปิดประตู - หน้าต่างในวันที่ค่าฝุ่นสูง , ใช้พรมให้น้อยลง เพราะสิ่งนี้มักเก็บฝุ่นเอาไว้เยอะ และถ้าคุณผู้อ่านอยู่คอนโดหรือหอพัก ก็ควรวางเครื่องฟอกอากาศไว้ใกล้หัวเตียง เพื่อช่วยเรื่องการหายใจตอนนอน อีกประการคือหากมีสัตว์เลี้ยง คุณควรดูดฝุ่นสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้งเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นเม็ดละเอียด การทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดฝุ่น ไม่ใช่แค่เพื่อสุขภาพนะครับ แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้พักฟื้นจากฝุ่นภายนอกด้วย ข้างนอกเราคอนโทรลไม่ได้ แต่บ้านเรา ๆ ทำได้ทุกอย่างครับ 3. ไม่ใช่ว่าแมสก์ทุกอันในโลกจะกัน PM 2.5 ได้ หลายคนยังเข้าใจว่าหน้ากากอนามัยทั่วไป กัน PM 2.5 ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วกันได้แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น หากคุณผู้อ่านอยากป้องกันจริงจัง ควรเลือกแมสก์จากคุณสมบัติเหล่านี้ คือเป็นแมสก์ประเภท N95 / KN95 / KF94 , แมสก์ต้องมีชั้นกรองหลายชั้น และแมสก์จะต้องกระชับกับใบหน้าไม่ปล่อยอากาศรั่วเข้าด้านข้างได้ ถ้าต้องเดินทางในเมือง รถติด หรือทำงานกลางแจ้ง ผมขอแนะนำให้สวมแมสก์ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น และไม่ควรใช้แมสก์ซ้ำจนเสื่อมคุณภาพเป็นอันขาด ตอนโควิดเราก็เคยใส่กันมาแล้ว ใส่ต่อเพื่อป้องกัน PM 2.5 อีกสักเฮือกก็คงไม่คณามือหรอกมั้งครับ 4. เสริมภูมิคุ้มกันจากภายในสู้กับผงฝุ่น การป้องกัน PM 2.5 ไม่ใช่แค่เรื่องสภาพแวดล้อม แต่เป็นเรื่องของร่างกายด้วย เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย นอนน้อย หรือทำงานหนัก มักจะเกิดอาการแพ้ฝุ่นง่ายขึ้น และสิ่งที่ช่วยลดผลกระทบดังกล่าวก็คือ การพยายามนอนให้เพียงพออย่างต่ำ 6 - 7 ชั่วโมงต่อวัน จากนั้นก็ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสีย ตามติดมาด้วยการกินอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ปลา, ผักใบเขียว , ผลไม้ตระกูลส้ม พอจังหวะจะเข้านอนก็อย่าไปดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับร่างกายจะไม่ฟื้นฟู จำไว้นะครับคุณผู้อ่านว่าการดูแลตัวเองให้แข็งแรง คือ “เกราะป้องกันที่ดีที่สุด” ในวันที่ต้องเผชิญกับ PM 2.5 สรุปสุดท้าย การเอาตัวรอดจาก PM 2.5 ไม่ใช่เรื่องยากหรือน่ากลัว ถ้าคุณผู้อ่านรู้วิธีและปรับชีวิตประจำวันให้เหมาะสมตาม 4 ประเด็นที่ผมได้นำเสนอไป เมื่อทำครบแล้วคุณก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยขึ้น แม้ในวันที่ค่าฝุ่นพุ่งสูงก็ตามที ดูทรงเราคงต้องอยู่กับมันไปตลอดกาลแล้วล่ะครับ เมื่อแก้ไม่ได้ก็ต้องอยู่ร่วมกันไป กวาดพื้นแล้วฝุ่นหายไปไหม? ดูดฝุ่นแล้วฝุ่นยังอยู่รึเปล่า? คำตอบคือฝุ่นไม่เคยหายไปไหนเลย มันแค่เปลี่ยนสถานที่ไป ไอ้ที่เกิดแก่เจ็บตายก็เห็นจะมีแต่มนุษย์อย่างเรา ๆ นี่ล่ะครับ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก จาก pixabay.com รูป ผู้ชายสวมแมสก์ จาก ResproPolska รูปที่ 1 จาก pixabay.com รูป ผู้หญิงสวมแมสก์ จาก resprouk รูปที่ 2 จาก pixabay.com รูป ควันจากโรงงาน จาก shogun รูปที่ 3 จาก pixabay.com รูป ผู้ชายเสื้อเขียว จาก ResproPolska รูปที่ 4 จาก pixabay.com รูป ผู้ชายสวมแมสก์ จาก ResproPolska เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !