ตลาด "รถหรู" จีนสะดุด! แบรนด์ท้องถิ่นบุกหนักเศรษฐกิจชะลอ

japantoday รายงานว่า ความต้องการรถหรูแบรนด์ต่างชาติในจีนกำลังลดลงอย่างชัดเจน ท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายสินค้าชิ้นใหญ่ ขณะเดียวกันกลุ่มรายได้สูงก็หลีกเลี่ยงการแสดงฐานะต่อสาธารณะมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถพรีเมียมและลักชัวรีซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของผู้ผลิตยุโรปเริ่มเสียโมเมนตัม

ปัจจัยที่เร่งการเปลี่ยนพฤติกรรมซื้อ คือมาตรการรัฐที่ให้เงินอุดหนุนราว 20,000 หยวนสำหรับการเทรดอินเพื่อซื้อรถไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด ทำให้ผู้ซื้อจำนวนมากเลือกไปที่รุ่นเริ่มต้นซึ่งเห็นผลส่วนลดชัดกว่า และส่วนใหญ่เป็นรถแบรนด์จีน

ข้อมูลเรตติ้งอุตสาหกรรมระบุว่า สัดส่วนยอดขายรถพรีเมียมในจีน ซึ่งมักมีราคามากกว่า 300,000 หยวน เคยขยายตัวแรงจนแตะราวร้อยละ 15 ในปี 2023 แต่เริ่มถอยลงเป็นร้อยละ 14 ในปี 2024 และเหลือร้อยละ 13 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 สวนทางกับผู้ผลิตจีนที่รุกนวัตกรรมและออกรุ่นใหม่ถี่ขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถพลังงานใหม่ที่ทำราคาได้ดุดัน

ด้านส่วนแบ่งตลาด รถยนต์นั่งส่วนบุคคลแบรนด์จีนไต่ขึ้นเกือบร้อยละ 70 ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่แบรนด์เยอรมนีอยู่ราวร้อยละ 12 ญี่ปุ่นประมาณ ร้อยละ 10 และสหรัฐฯ เกือบร้อยละ 6 โดย BYD ยังเดินหน้ากดราคาในรถไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดบางรุ่นลงได้สูงสุดถึงราวร้อยละ 34 เพิ่มแรงกดดันต่อคู่แข่งทั้งในและนอกประเทศ

ผลกระทบเริ่มสะท้อนในยอดขายผู้ผลิตยุโรป เมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดขายในจีนไตรมาสกรกฎาคม-กันยายนลดลงร้อยละ 27 ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูรวมมินิ ในช่วง 9 เดือนแรกลดลงร้อยละ 11.2 ขณะที่ผู้เล่นอย่างปอร์เช่ แอสตัน มาร์ติน และเฟอร์รารีก็รายงานแรงกดดันจากดีมานด์จีนที่อ่อนลง

สถานการณ์ลุกลามถึงดีลเลอร์ โดยราคารถหรูมือสอง ปรับลงแรงจากปีก่อน สะท้อนภาวะความต้องการที่ชะลอ แม้การผลิตรถยนต์รายเดือนของจีนในเดือนพฤศจิกายนจะทำสถิติทะลุ 3.5 ล้านคันเป็นครั้งแรก แต่ยอดขายในประเทศกลับลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบรายปี หลังบางพื้นที่เริ่มยุติมาตรการอุดหนุนเทรดอินบางส่วน ทำให้ภาพรวมการแข่งขันในตลาดจีนยังตึงตัวต่อไป