สีหศักดิ์แจงทูตต่างชาติ ย้ำทุ่นระเบิดกัมพูชาเพิ่งวางใหม่ ขอไทยดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพดินแดน

นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงสรุปการบรรยายแก่คณะทูตจากหลายประเทศและองค์กร รวม 77 คน เกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา รวมถึงแนวทางดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากทหารไทยได้เหยียบกับระเบิด ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มาแถลงสรุปแก่คณะทูตด้วยตนเอง เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 พฤศจิกายน ว่า ขอยืนยันว่า เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เกิดจากทุ่นระเบิดใหม่ที่กัมพูชาวางไว้ ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 4 ราย หนึ่งรายกลายเป็นบุคคลทุครภาพ และจากการพิสูจน์ พบหลักฐานว่าเป็นระเบิด pmm2 ซึ่งทหารกัมพูชาลักลอบวางระเบิดไว้

ต่อมาเป็นประเด็นท่าทีของไทยต่อถ้อยแถลง (Joint Declaration) ซึ่งไทยให้ความสำคัญมาก และมองว่า เป็นแนวทางสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ด้านทางการไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกุล รู้สึกผิดหวังที่กัมพูชาละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ละเมิดอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ที่กัมพูชาเป็นภาคีอยู่ด้วย สะท้อนถึงความไม่จริงใจของกัมพูชา ไทยจึงต้องระงับการดำเนินการตาม joint declaration นี้ก่อน

ไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร้องขอให้ทางกัมพูชานำคนผิดมาลงโทษ และขอให้ทางกัมพูชาหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก และหากกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบ ยุติการเป็นปฏิปักษ์ ไทยก็จะยุติการระงับนี้และกลับมาดำเนินการตามถ้อยแถลงต่อไป

นอกจากนี้ท่านรัฐมนตรีสีหศักดิ์ยังได้ชี้แจ้งต่อคณะทูตถึงแนวทางการดำเนินการว่า ได้ต่อสายตรงถึงนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาในทันที พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสถานเอกอัครราชทูตด้วยแล้ว ไทยจะดำเนินการตามอนุสัญญาออตตาวา โดยจะมีการทำหนังสือถึงญี่ปุ่น ในฐานะประธานรัฐภาคี ซึ่งจะช่วยกระจายข่าว และแจ้งรัฐภาคีให้ โดยหากท่านสีหศักดิ์สามารถเดินทางไปร่วมประชุมด้วยตนเองได้ก็จะเดินทางไป

ไทยจะชี้แจงประชาคมระหว่างประเทศโดยจะมีหนังสือถึงมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และสหรัฐฯ พร้อมทั้งออกหนังสือเวียนถึงชาติสมาชิกอาเซียน นอกจากนี้สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกจะได้ข้อมูลเช่นเดียวกัน เพื่อชี้แจ้งกับประเทศเจ้าบ้านให้ทราบถึงท่าทีของไทย

หลังจากนี้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) จะลงสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่ง AOT จะช่วยช่วยยืนยันความชัดเจน

ประเด็นต่อมาเรื่องการลงพื้นที่อุบลราชธานีและ ศรีสะเกษของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ได้มีการตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจทหารในพื้นที่

นายสีหศักดิ์ได้ตอบคำถามแก่คณะทูตที่ถามว่าไทยมีแนวทางการดำเนินการใดอีกไหมว่า จากนี้ไปไทยขอสงวนสิทธิที่จะดำเนินการตามความจำเป็น เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดน ไทยจะดำเนินการตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ในพื้นที่

สำหรับสถานะของแถลงการณ์ร่วม ไทยระงับไว้ก่อน แต่ไม่รู้จะระงับนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับท่าทีกัมพูชา 

ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ย้ำว่าไทยยึดมั่นในสันติวิธี ขณะที่ทางคณะทูตมีความเข้าใจไทย และไม่อยากให้สถานการณ์รุนแรงไปมากกว่านี้