ชาวสวนน้ำตาริน! จำใจตัดทิ้งคะน้าแสนกิโล หลังราคาตกหนัก ค่าเก็บไม่คุ้มขาย
ชาวสวนน้ำตาริน! จำใจตัดทิ้งคะน้าแสนกิโล หลังราคาตกหนัก-ล้นตลาด ค่าเก็บไม่คุ้มขาย พ่อค้าไม่รับซื้อ บางส่วนนำไปบริจาคให้วัด-โรงทาน
วันที่ 16 ก.พ. นายสิงห์ เลิศรัตน์พัฒนา ชาวสวนปลูกคะน้า เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพปลูกผักคะน้า บนพื้นที่ขนาด 26 ไร่ ในรูปแบบทำแปลงยกร่อง เนื่องด้วยคะน้าเป็นพืชที่ใช้เวลาปลูกน้อยเพียง 45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จึงวางแผนเริ่มปลูกช่วงเดือนธ.ค. และจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนพอดี ซึ่งมีราคารับซื้อเมื่อปี 2563 สูงถึงก.ก.ละ 20 บาท
แต่ทว่าความฝันที่จะได้กำไรจนลืมตาอ้าปากกลับไม่เป็นความจริง หลังราคารับซื้อหน้าสวนปีนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท จึงประสบกับสภาวะขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการปลูก ทั้งในส่วนของค่าแรง ปุ๋ยและค่าเมล็ดพันธุ์ อยู่ที่ประมาณ 2 แสนบาท หากตัดขายให้กับพ่อค้าจะต้องมีค่าจ้างตัดและค่าบรรจุอีกถุงละ 4 บาท
เมื่อตนสอบถามถึงสาเหตุราคารับซื้ออันแสนตกต่ำ พ่อค้าบอกว่า เนื่องจากผักของตนไม่สวย ขายไม่ได้ราคา ประกอบกับคะน้าล้นตลาด มีผลผลิตคะน้าออกมาจำนวนมาก สวนทางกับจำนวนผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลง และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ระลอกที่ 2 ดังนั้นสิ่งที่ตนและครอบครัวพอจะทำได้คือ การตัดต้นคะน้าน้ำหนักประมาณ 2,000 กิโลกรัม ไปทำบุญถวายโรงทาน วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม ส่วนที่เหลือที่ตัดทำบุญไม่ทัน ต้องจำใจปล่อยทิ้งให้ต้นแก่ถูกหนอนกัดกินจนเสียหาย แล้วลงมือใช้เครื่องตัดหญ้ามาตัดทิ้งทั้งหมดรวมน้ำหนักกว่า 1 แสนก.ก.
ทั้งนี้นอกจากตนที่ประสบชะตากรรมราคาผักตกต่ำแล้ว ก็ยังมีเพื่อนเกษตรกรที่ปลูกคะน้า กวางตุ้ง และถั่วฝักยาว คนอื่นๆ ในพื้นที่ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน