หลังจากที่อาณาจักรทวารวดีได้ล่มสลายลงในพุทธศตวรรษที่ 16 อาณาจักรเขมรได้ก้าวขึ้นมามีอำนาจและครองความเป็นใหญ่อยู่ถึง 300 ปี โดยมีอาณาจักรศูนย์กลางอยู่ที่เมืองพระนครในเขตประเทศกัมพูชา ในสมัยนั้นในเขตภาคอีสานทั้งหมดได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรเขมรทั่วทั้งภูมิภาค เพราะอยู่ใกล้ดินแดนศูนย์กลางของอาณาจักร ทำให้อาณาบริเวณนี้เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างในรูปแบบทางศิลปะเขมรการจายอยู่ตามพื่นที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เมืองพิมายเป็นเมืองหนึ่งที่เป็นอิสระมาก่อนซึ่งมีการสันนิษฐานว่าเมืองนี้มีมาตั้งแต่สมัยทวารวดี และมีกษัตริย์หรือเจ้าเมืองปกครองอยู่ ด้วยเหตุที่ว่าเมืองพิมายนั้นตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมูลหรือที่ลุ่มแม่น้ำมูล มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากเหมาะแก่การเพาะปลูก ทำกสิกรรม และตั้งถิ่นฐานพัฒนาเป็นเมืองหรือนครรัฐได้เป็นอย่าดี อีกทั้งภูมิประเทศรอบ ๆ เมืองพิมายนั้น เป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่ที่มีการตักตวงทรัพยากรชนิดนี้มาตั้งแต่ก่อนสมัยประวัติศาสตร์ ซึ่งในสมัยโบราณนั้นเกลือเป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะเกลือสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิต เช่น อาหาร ยา เครืองสำอาง ย้อมผ้า เป็นต้น ด้วยเหตุนี้อาณาจักรเขมรจึงสนใจเมืองพิมายเป็นพิเศษ และต้องการเข้ามามีอิทธิพลเหนือเมืองพิมายนี้ให้จงได้ ในอีกประเด็นหนึ่งที่อาณาจักรเขมรได้เล็งเห็นว่าควรเอาเมืองพิมายนี้เข้ามาไว้ในภายใต้การปกครอง หรือแม้กระทั้งถึงกับผนวกเอาเมืองพิมายเข้ามาไว้ในขอบขัณฑสีมา นั้นคือต้องการให้เมืองนี้เป็นเส้นทางในการเดินทัพ หรือเพิ่มเส้นทางเดินทัพอีกเส้นทางหนึ่ง นอกเหนือจากเส้นทางที่ต้องเข้าทางเมืองจันทบุรี (เทียบกับปัจจุบัน) ซึ่งเส้นทางนี้สามารถใช้แผ่เเสนยานุภาพได้ไปทั้วทั้งภาคอีสานของไทย การที่อาณาจักรเขมรค่อย ๆ ก่อตัวอย่างช้า ๆ นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีมาก่อนพุทธศตวรรษที่ 16 ด้วยการสนับสนุนจากรัฐทางใต้ ทำให้อาณาจักรเขมรเติบโตอย่างรวดเร็ว และนั้นหมายความว่าเมืองพิมายที่เคยเป็นอิสระมาอย่างยาวนานถูกรบกวนมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 และนั้นก็หมายความว่าเมืองพิมายได้ตกเป็นเมืองประเทศราชนับแต่ช่วงเวลานั้น จนกระทั่งต่อมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 ได้ขึ้นครองราชสถาปนาราชวงศ์ มหิธรปุระ จึงได้ผนวกเมืองพิมายให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักเขมรอย่างสมบูรณ์ และได้สร้างปราสาทพิมายขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์อันแสดงถึงอำนาจอันเบ็ดเสร็จของพระองค์เหนือดินแดนนี้ การสร้างปราทพิมายหมายถึงสัญลักษณ์ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 6 สามารถผนวกเมืองพิมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของอาณาจักรเขมร ปราสาทแห่งนี้สรั้างในรูปแบบศิลปะเขมรแบบบาปวนแต่อยู่ในช่วงปลาย อันเป็นรอยต่อของรูปแบบศิลปะเขมรแบบพระนคร และสิ่งสำคัญที่แสดงความเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจแห่งอาณาจักรเขมรที่อยู่เหนือเมืองพิมายนี้ก็คือ การวางผังของปราสาทให้ด้านหน้าของตัวปราสาทหันไปทางทิศใต้ซึ่งปราสาทแบบเขมรโดยทั่วไปนั้นจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศของพระผู้เป็นเจ้า แต่ปราสาทพิมายนั้นด้านหน้าของปราสาทหันไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศทางที่ตรงกับเมืองพระนครของอาณาจักรเขมร นั่นแสดงถึงนัยยะสำคัญว่าเมืองพิมายนั้นได้สวามิภักดิ์ยอมอยู่ใต้อำนาจ หรือยอมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเขมรเรียบร้อยแล้ว และยังเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเขมรจนกระทั่งเสื่อมอำนาจ หัวใจสำคัญที่อาณาจักรเขมรได้เมืองพิมายมาไว้อยู่ใต้อำนาจได้นั้น เป็นเหตุผลที่ทำให้อาณาจักรเขมรอยู่ได้นานกว่า 300 ปี เพราะเมืองพิมายเป็นเมืองที่อยู่ในเขตลุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก นอกจากจะได้ทรัพยากรที่อยู่ในเขตเมืองพิมายแล้ว นอกเมืองพิมายยังเป็นแหล่งเกลือขนาดใหญ่สามารถตักตวงได้อย่างมหาศาล เกลือเหล่านี้จะถูกส่งไปยังอาณาจักรศูนย์กลางเพื่อไปเป็นวัตถุดิบและทำการค้า อีกทั้งยังเป็นสถานีเสบียงเพื่อใช้ในการเดินทัพในยามสงคราม อีกกรณีหนึ่งที่เขมรต้องเข้ามามีอำนาจเหนือเมืองพิมายนั้นเนื่องจากเมืองพิมายอยู่ในตำแหน่งยุทธศาสตร์ ที่เอื้อต่อการขยายดินแดนเข้ามายังภาคอีสาน ถ้าได้เมืองพิมายมาไว้ในครอบครอง นั่นหมายความว่าอาณาจักรเขมรปกครองดินแดนทางภาคอีสานของไทยได้ทั้งหมด เพราะเมืองพิมายเป็นเมืองที่สามารถเข้ามาตั้งทัพและอาศัยเพื่อเตรียมความพร้อมอยู่ได้นาน ถ้าจะว่ากันง่าย ๆ ก็คือ เมืองพิมายเป็นเมืองที่กษัตริย์สามารถเข้ามาอาศัยเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะออกไปขยายดินแดน ซึ่งต่างจากการเดินทัพเข้าทางเมืองจันทบุรี เพราะเส้นทางเดินทัพในพื้นที่แถบนั้นจะเป็นเส้นทางเดินทัพเพื่อขยายอำนาจเข้าสู่ภาคกลางเป็นหลักภาพถ่ายโดย พงศธร อิ่มอุดม ผู้เขียนบทความ