BBLสนโทเคนแทนSWIFT เชียร์บริษัทไทยถือคริปโต

#SWIFT #BBL #กอบศักดิ์ - กูรูเศรษฐกิจมองภาคธนาคารกำลังปรับตัวด้วยดิจิทัลและบล็อกเชน เผยแบงก์กรุงเทพ สนใจใช้ Deposit Tokenization โอนเงินฝากให้ไวขึ้น และจะมาแทน SWIFT ในอีก 2-3 ปี ขณะที่ หนุน บจ.ไทย ศึกษาลงทุนคริปโตเพิ่มความมั่งคั่ง พร้อมชี้ตลาดหุ้นไทยยังถูกน่าสนใจ ภายใต้ GPD ประเทศที่มีความหวังพลิกโตกระโดด 4% ในระยะยาว
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์เศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยว่า กำลังพบการปรับตัวของภาคการเงินภายหลังสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อรักษาความปลอดภัยเข้ามามีบทบาทในระบบการเงินระดับสากลมากขึ้น พร้อมกับมีนักลงทุนจำนวนมากสนใจลงทุนสินทรัพย์นี้
@ธนาคารปรับตัว
หนึ่งในข้อเด่นของคริปโทเคอร์เรนซีคือ การโอนได้รวดเร็วกว่ามาก เมื่อเทียบกับระบบการโอนปกติของธนาคาร ดังนั้นภาคธนาคารจึงมีความพยายามพัฒนาบริการให้รวดเร็วทัดเทียมกันได้ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Deposit Tokenization มีเป้าหมายคือการทำให้เงินฝาก (deposit) สามารถโอนได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีตัวกลางข้ามประเทศ เช่นเดียวกับ Bitcoin หรือ Stablecoin
ทั้งนี้เทรนด์ Deposit Tokenization นี้หากเกิดขึ้นแพร่หลาย ย่อมจะทำให้ในอนาคตระบบการโอนเงินแบบ SWIFT ซึ่งเครือข่ายที่ธนาคารและสถาบันการเงินใช้กันอยู่อาจถูกทดแทนได้ เพราะความสะดวกรวดเร็วที่ต่างกันมาก ปัจจุบันการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านระบบปกติอาจใช้เวลานานถึง 3-4 วัน
สำหรับประเทศไทย คาดการณ์ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ อาจนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในอีกประมาณ 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งระบบนี้จำเป็นต้องพัฒนาร่วมกันจากหลายฝ่าย ธนาคารเดียวไม่เพียงพอเพราะต้องเกิดธุรกรรมระหว่างธนาคารได้ และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ก็ให้ความสนใจเช่นกัน
อนึ่ง ดร.กอบศักดิ์ ปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ, ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย รวมถึงเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล
@เชียร์ บจ.ไทยถือคริปโต
จากพัฒนาการของระบบการเงินโลก จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนซึ่งอยู่ในตลาดทุนไม่ควรปิดกั้นโอกาสเพิ่มความรู้ความเข้าใจประโยชน์และความเสี่ยงในสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ควรได้รับการสนับสนุนให้ลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลซึ่งถือเป็นโลกของการลงทุนใหม่ที่มีศักยภาพ ภายใต้การดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยอาจเริ่มจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น Stablecoin ทว่าการลงทุนควรจำเป็นต้องกำหนดสัดส่วนเพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจหลัก ซึ่งคือการผลิตสินค้าและบริการ
@มองตลาดหุ้นไทยมุมบวก
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ก็ยังเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในระดับหนึ่งเนื่องจากโลกกำลังมีสภาพคล่องสูงและดอกเบี้ยต่ำ ส่งผลให้กระแสเงินจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นต่างๆ
ตลาดหุ้นไทยถูกมองว่าเป็นตลาดหุ้นที่ยังไม่แพงและขึ้นช้ากว่าตลาดอื่นๆ นักลงทุนทั่วโลกไม่ต้องการเสี่ยงกับตลาดหุ้นที่ราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว ดังนั้นในเชิงเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลกจึงมีโอกาสตลาดหุ้นไทยจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น
ในขณะที่รัฐบาลไทยกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายระยะสั้นหลายนโยบาย เช่น คนละครึ่งพลัส ซึ่งพบว่ากิจกรรมในตลาดร้านค้าขายต่างๆ คึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทว่ามองนโยบายเหล่านี้อาจไม่เพียงพอในการกระตุ้น GDP ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีหน้า เบื้องต้นประเมิน GDP ไทยปี 2569 จะขยายตัวในกรอบ 1.5-2.0 %
เศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องมีการสร้างความเข้มแข็งเพิ่มเติมในระยะถัดไป และมีความเป็นไปได้ที่ระยะ 3-4 ปีข้างหน้า GDP ไทยจะขยายตัว 3.5 - 4.0% เพราะกำลังมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก สร้างการเติบโตใหม่ๆ ซึ่งจะค่อยๆ ส่งผลดีในระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
