- Howard Schultz - มหาเศรษฐีผู้ที่ทำให้โลกรู้ว่า “ต้นทุนชีวิต ไม่ใช่องค์ประกอบของความสำเร็จ” 1953 ปีแห่งการเปิดศักราชของ “ฮาวเวิร์ด ชูลท์ซ” ชายหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับฐานะที่ยากจน ณ เมืองบรู๊คลิน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยฮาเวิร์ด เป็นลูกชายคนกลางในพี่น้องทั้งสามของครอบครัวชูลท์ซ ด้วยความที่ขัดสนตั้งแต่ยังเด็ก พ่อแม่ทำงานรับจ้างรายวัน มิหนำซ้ำ ตอนฮาเวิร์ดอายุได้ 7 ขวบ พ่อของเขาประสบอุบัติเหตุข้าเท้าหัก ไม่สามารถทำงานได้ แถมยังไม่มีเงินพอที่จะไปรักษาอีก จะมีก็แต่เงินที่พอเลี้ยงปากท้องของครอบครัวเท่านั้น พอฮาเวิร์ด อายุได้ 12 ขวบ เขาเริ่มได้สัมผัสกับกาแฟ โดยการทำงานที่ร้านกาแฟใกล้บ้าน และยังเป็นคนรับส่งหนังสือพิมพ์อีกด้วย ชีวิตที่แสนยากลำบากสำหรับเด็กอายุ 10 กว่าปี นั้นดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่ง่าย หากจะก้าวขึ้นไปคว้าอะไรสักอย่าง แต่ด้วยความขยันอดทนของฮาเวิร์ด ทำให้เขาทนต่องานหนักได้ เมื่อต้องรับจ๊อบในร้านขายขนสัตว์ตอนอายุ 16 ซึ่งเป็นงานที่หนักและลำบากเอามาก ๆ แม้จะเป็นเด็กที่มีต้นทุนชีวิตต่ำ แต่ฮาเวิร์ดก็ยังคงมีจุดเด่นในตัวอยู่บ้าง นั่นก็คือด้านกีฬา ซึ่งสามารถนำพาให้ชีวิตของเขา ได้รับทุนเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์น มิชิแกน เมื่อปี 1971 และเมื่อเขาจบการศึกษาในปี 1975 เขามีโอกาสทำงานกับบริษัท Xerox ต่อมาในปี 1979 เขาได้ย้ายมาทำงานให้กับ Hamamaplast ในตำแหน่งผู้บริหาร ซึ่งบริษัทดังกล่าวนี้เองที่ทำให้เข้าได้ทำความรู้จักกับ “Starbucks” เมื่อบริษัทมอบหมายให้เขาต้องส่งเครื่องชงกาแฟให้กับร้าน Coffee Shop เล็ก ๆ แห่งนี้ สำหรับ Starbucks เอง เป็นร้านกาแฟที่อยู่ใน Seattle ก่อตั้งโดยหุ้นส่วนสามคน ได้แก่ Jerry Baldwin , Zev Siegl และGordon Bowker ที่ชื่นชอบในการทานกาแฟเป็นที่สุด จึงได้รวมตัวกันเพื่อที่จะทำกิจการนี้ โดยใช้ชื่อตั้งแต่แรกเริ่มว่า Starbucks ซึ่งมีความหมายมาจาก ตัวละครหนึ่งในนิยาย ที่เป็นนางเงือกสองหาง และนั่นก็กลายเป็นที่มาของเครื่องหมายการค้าที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเอง Credit Picture: Link ฮาเวิร์ดที่ได้ลิ้มลองรสชาติของ Starbucks เป็นครั้งแรกก็เกิดความหลงไหลในทันที จึงได้เกิดความคิดขึ้นมาว่า จะต้องเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Coffee Shop ร้านนี่ ในปี 1982 ฮาเวิร์ด ได้รับการชักชวนให้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของ Starbucks และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเขากับ Starbucks เลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะได้รับเงินเดือนเพียงครึ่งหนึ่งจากบริษัทเดิมก็ตาม ต่อมาในปี 1983 เขาได้เจอร้านกาแฟแห่หนึ่งที่อิตาลี ซึ่งเป็นร้านที่จุดประกายให้เขาทำร้านกาแฟที่เป็นสถานที่พบปะของผู้คนในสังคม แต่ก็ไม่ได้รับการเห็นด้วยจากทาง Starbucks เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานดังกล่าวในปี 1985 เพื่อที่จะมาเปิดร้านของตัวเอง แต่การเปิดร้านสำหรับเขาต้องใช้ทุนกว่า 4 แสนเหรียญ หรือประมาณ 12 ล้านบาทในปัจจุบัน เขาจึงได้นำเงินเก็บของตัวเอง รวมทั้งเงินที่กู้ยืมมาบ้าง เพื่อใช้ในการสานต่อความคิดของตัวเองให้สำเร็จ เมื่อร้านพร้อมที่จะเปิด ลูกค้าก็พร้อมที่จะอุดหนุนเช่นกัน ฮาเวิร์ดเปิดร้านกาแฟของตัวเอง ภายใต้ชื่อ อิล “จออร์นาเล” เป็นวันแรก และก็ได้รับเสียงตอบรับอย่าล้นหลามด้วยยอดลูกค้าถึง 300 คน จึงทำให้ฮาเวิร์ดเกิดไอเดียที่จะขยายสาขา Credit Picture: Link ปีต่อมา ร้าน Starbucks ได้ประกาศขาย เป็นเงิน 4 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 120 ล้านบาทในปัจจุบัน ฮาเวิร์ดที่เห็นโอกาสจากเรื่องนี้ ก็ได้นำแผนขยายธุรกิจ ไปเสนอให้กับนายทุน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Bill Gates เจ้าของไมโครซอฟท์ที่เรารู้จักกันดี แล้วทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ เมื่อฮาเวิร์ดได้เป็นเจ้าของกิจการ Starbucks ในที่สุด และเขาก็ได้รวมกิจการเข้าไว้ด้วยกันภายใต้ชื่อ Starbucks Coffee Company เมื่อได้เป็นเจ้าของธุรกิจแล้ว สิ่งที่ตามมานั่นคือความรับผิดชอบ ฮาเวิร์ดได้ให้คำมั่นไว้กับเจ้าหนี้ไว้ว่าจะขยายสาขาให้ได้ 125 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เขาทำได้มากกว่านั้นซะอีก ด้วยการใช้โมเดลแฟรนไชส์ในการขยับขยายไปทั่วสหรัฐอเมริกา ต่อมาในปี 1992 Starbucks ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดหุ้น Nasdaq โดยเปิดตัวที่ราคา 14 เหรียญ และจบที่ 33 เหรียญในการปิดตลาด ณ วันนั้น ปี 1996 Starbucks ขยายไปยังประเทศอื่น ๆ โดยเริ่มจากญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ก่อนจะขยายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ปี 2005 ฮาเวิร์ดตั้งเป้าจะขยายสาขาให้ได้ 10,000 สาขา และก็สามารถทำได้ดีอย่างที่คิด แต่พอมาถึงปี 2008 เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ขึ้น เป็นเหตุให้ Starbucks ต้องปิดสาขาลงกว่า 900 สาขา และสั่งปลดพนักงานออกอีก 6,700 คน Credit Picture: Link แต่ฮาเวิร์ดก็แก้ปัญหานั้นด้วยโครงการที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการพัฒนา Product และฮาเวิร์ดก็ใช้สิ่งนั้นมาปรับแก้จนผ่านจุดวิกฤติมาได้ด้วยดี ข้อมูลในปี 2017 Starbucks มีสาขาทั้งสิ้น 27,000 สาขา และฮาเวิร์ดมีทรัพย์สินรวมกันกว่า 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯกลายเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างหลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยตนเอง และเศรษฐีผู้นี้ คือเด็กที่ไม่เคยมีต้นทุนชีวิตในวันนั้น ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นองค์ประกอบใด ๆ ของความสำเร็จของเขาเลย _________________________________ Swivel คอนเทนท์ยุคใหม่เชิงสร้างสรรค์ ที่นำเสนอในทุกแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็น Science&Tech • Inspiration • Passion • Community • Sport Follow Us In “Line” Follow Us In “Facebook” Copyright By Swivel *บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง