ผลวิจัยชี้ โควิด-19 สายพันธุ์ 'บราซิล' กำลังกลายพันธุ์ซ้อนอีกรอบ ต้านภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น-ติดง่าย 2.5 เท่า

ข่าววันนี้ ผลการศึกษาชี้ว่า โควิด-19 สายพันธ์บราซิลที่กำลังกลายพันธุ์ สามารถต้านภูมิคุ้มกันร่างกายได้มากขึ้น และแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิม 2.5 เท่า

ผลวิจัยจากสถาบันสุขภาพฟิโอครัซ (Fiocruz) ระบุว่า โควิดสายพันธุ์บราซิล หรือ P1 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในบราซิล และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กำลังกลายพันธุ์บริเวณหนามของไวรัส ทำให้ดื้อต่อวัคซีน มีความต้านทานต่อภูมิคุ้มกันของของร่างกายมากขึ้น และสามารถแพร่ระบาดได้มากกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 2.5 เท่า

ฟิลิปเป เนวากา หนึ่งในผู้ร่วมรายงานผลการศึกษาชิ้นนี้ระบุว่า โควิดสายพันธุ์ P1 ที่กำลังกลายพันธุ์ จะทำให้เกิดสถานการณ์คล้ายกับแอฟริกาใต้ ที่ส่งผลให้วัคซีนบางชนิดมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก

โควิดกลายพันธุ์เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้มีการแพร่ระบาดในบราซิลอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 350,000 คน มากเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา และมีผู้ติดเชื้อสะสม 13.7 ล้านคน  

นอกจากนี้ การระบาดของโควิดในบราซิลยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีอายุน้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลของโรงพยาบาลแสดงให้เห็นว่าในเดือนมีนาคมผู้ป่วยหนักมากกว่าครึ่งหนึ่งมีอายุไม่เกิน 40 ปี

นอกจากไวรัสกลายพันธุ์ที่ส่งผลให้สถานการณ์โควิดในบราซิลย่ำแย่  การรับมือกับโควิด-19 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นสาเหตุสำคัญเช่นกัน

ล่าสุด มีชาวบราซิลหลายสิบคนรวมตัวกันที่หน้าสถานทูตบราซิลประจำกรุงบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา เพื่อประท้วงประธานาธิบดีโบลโซนาโรเกี่ยวกับการจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ย่ำแย่

ผู้ประท้วงบางคนถือป้ายที่มีใบหน้าของประธานาธิบดีบราซิล ที่มีข้อความว่า "สายพันธุ์โบลโซนาโร อันตรายต่อโลก" และตะโกนขับไล่ผู้นำบราซิลออกจากตำแหน่ง

ประธานาธิบดีโบลโซนาโรถูกวิจารณ์ว่า ดูแคลนความรุนแรงของโควิด-19 มาตั้งแต่ต้น เนื่องจากยืนกรานไม่ยอมใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ 

ขณะที่ ความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ก็ถูกวิจารณ์ว่าล่าช้า ล่าสุดมีการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้ประชาชนแล้ว 30.8 ล้านโดส ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วน 7.2 ล้านคน หรือ 3.4% ของประชากรทั้งหมด

ภาพ: CDC