Castlevania: Curse of Darkness เป็นเกมแอ็คชั่น RPG ที่พัฒนาและเผยแพร่โดย Konami ในปี 2005 สำหรับเครื่อง PlayStation 2 และ Xbox เกมนี้เป็นภาคต่อของ Castlevania III: Dracula's Curse โดยมีฉากหลังเป็นปี 1479 สามปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคก่อนหน้า เนื้อเรื่อง: เกมนี้เล่าเรื่องราวของ Hector อดีตนักปราณของแดร็กคิวล่า ที่ทรยศต่อนายเก่าและหันมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดา แต่เมื่อภรรยาของเขาถูกฆ่าตาย Hector จึงออกตามล่า Isaac อดีตเพื่อนร่วมงานที่เขาสงสัยว่าเป็นฆาตกร การเดินทางของ Hector พาเขากลับสู่ปราสาทของแดร็กคิวล่าอีกครั้ง ท่ามกลางคำสาปแห่งความมืดที่แผ่ขยายไปทั่วดินแดน เนื้อเรื่องของเกมนี้ค่อนข้างน่าสนใจ แม้จะไม่ซับซ้อนมากนัก แต่ก็มีจุดพลิกผันที่น่าตื่นเต้นและตัวละครที่มีมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาตัวละคร Hector จากนักปราณผู้ทรงพลังสู่มนุษย์ธรรมดา และการกลับมาเป็นนักปราณอีกครั้งเพื่อแก้แค้น ทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันกับตัวละครเอกได้ดี ระบบการเล่น: Curse of Darkness นำเสนอระบบการเล่นแบบ 3D Action RPG ที่ผสมผสานการต่อสู้แบบแฮ็คแอนด์สแลชเข้ากับระบบ RPG ที่ลึกซึ้ง ผู้เล่นสามารถสร้างและพัฒนาอาวุธ เกราะ และไอเทมต่างๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบ "Innocent Devil" ที่โดดเด่น ซึ่งให้ผู้เล่นสร้างและฝึกฝนสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์ที่ช่วยในการต่อสู้และแก้ปริศนา ประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับระบบการเล่นนี้ค่อนข้างสนุก การต่อสู้มีความหลากหลายและท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อได้ใช้ Innocent Devil ร่วมด้วย การสร้างและอัพเกรดอาวุธทำให้รู้สึกว่าตัวละครพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บางครั้งการต่อสู้อาจรู้สึกซ้ำซากบ้าง โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ของเกม กราฟิกและเสียง: สำหรับเกมยุค PS2 Curse of Darkness มีกราฟิกที่ดูดีทีเดียว โมเดลตัวละครมีรายละเอียดสูง และฉากหลังสื่อถึงบรรยากาศอันน่าขนลุกของปราสาทแดร็กคิวล่าได้ดี แม้ว่าบางพื้นที่อาจดูซ้ำๆ กันบ้าง แต่โดยรวมแล้วยังคงสร้างความรู้สึกหลอนและน่าค้นหาได้ดี ด้านเสียง เพลงประกอบของ Michiru Yamane ยังคงไม่ทำให้ผิดหวัง ท่วงทำนองที่ผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกและร็อคสร้างบรรยากาศที่เข้ากับเกมได้อย่างลงตัว เสียงพากย์ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดี แม้บางฉากอาจจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ก็ไม่รบกวนประสบการณ์การเล่นมากนัก การออกแบบด่าน: ปราสาทและพื้นที่ต่างๆ ในเกมได้รับการออกแบบอย่างซับซ้อน มีทางลับและห้องซ่อนให้ค้นหามากมาย ซึ่งกระตุ้นให้ผู้เล่นสำรวจทุกซอกทุกมุม อย่างไรก็ตาม บางครั้งการวนกลับไปมาในพื้นที่เดิมๆ อาจทำให้รู้สึกเบื่อได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องกลับไปเก็บไอเทมที่เคยเข้าไม่ถึงก่อนหน้านี้ ระบบ Innocent Devil: นี่คือจุดเด่นของเกมที่ทำให้ Curse of Darkness แตกต่างจากภาคอื่นๆ ผู้เล่นสามารถสร้างและพัฒนา Innocent Devil ได้หลายประเภท เช่น ไฟติ้ง, เมจิก, เบิร์ด และอื่นๆ แต่ละตัวมีความสามารถพิเศษที่ช่วยทั้งในการต่อสู้และการแก้ปริศนา การฝึกฝน Innocent Devil ให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นส่วนสำคัญของเกมที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์เหล่านี้ ความยากและความสมดุล: Curse of Darkness มีระดับความยากที่เหมาะสมสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ บอสแต่ละตัวมีรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกัน ท้าทายให้ผู้เล่นต้องปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม หากผู้เล่นใช้เวลาฝึกฝน Innocent Devil และอัพเกรดอาวุธมากพอ เกมอาจกลายเป็นง่ายเกินไปในช่วงท้าย ความยาวและความคุ้มค่า: การเล่นจบเกมครั้งแรกใช้เวลาประมาณ 15-20 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าพอเหมาะสำหรับเกมแนวนี้ นอกจากนี้ยังมีโหมดเพิ่มเติมหลังจบเกม เช่น โหมด Trevor Belmont ที่เพิ่มความหลากหลายและคุณค่าในการเล่นซ้ำ ข้อดีและข้อเสีย: ข้อดี: - ระบบ Innocent Devil ที่น่าสนใจและเพิ่มมิติให้กับการเล่น - เนื้อเรื่องที่น่าติดตามและตัวละครที่มีมิติ - ระบบการสร้างและอัพเกรดอาวุธที่ลึกซึ้ง - เพลงประกอบที่ยอดเยี่ยม ข้อเสีย: - บางพื้นที่ในเกมดูซ้ำซากและน่าเบื่อ - การต่อสู้อาจรู้สึกจำเจในช่วงท้ายเกม - กราฟิกบางส่วนอาจดูล้าสมัยเมื่อเทียบกับเกมร่วมสมัย สรุป: Castlevania: Curse of Darkness เป็นเกมที่น่าสนใจสำหรับแฟนซีรีส์ Castlevania และผู้ที่ชื่นชอบเกมแอ็คชั่น RPG แม้จะมีข้อบกพร่องบางประการ แต่ระบบการเล่นที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะ Innocent Devil ทำให้เกมนี้มีเอกลักษณ์และน่าจดจำ เนื้อเรื่องที่น่าติดตามและบรรยากาศที่หลอนช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่น แม้ว่าจะไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่ Curse of Darkness ก็เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสการผจญภัยในโลกของ Castlevania ประสบการณ์ส่วนตัว: ในฐานะผู้เล่น ผมพบว่า Curse of Darkness เป็นเกมที่สนุกและน่าจดจำ การได้สำรวจปราสาทอันกว้างใหญ่และค้นพบความลับต่างๆ สร้างความตื่นเต้นได้ดี ระบบ Innocent Devil ทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนร่วมเดินทาง และการพัฒนาพลังของ Hector ทำให้รู้สึกถึงความก้าวหน้าอย่างชัดเจน แม้จะมีช่วงที่รู้สึกว่าต้องเดินวนไปมาในพื้นที่เดิมๆ บ้าง แต่เมื่อได้ค้นพบพื้นที่ใหม่หรือเอาชนะบอสได้ ก็ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากับความพยายาม การต่อสู้กับบอสแต่ละตัวท้าทายและสนุก โดยเฉพาะเมื่อต้องคิดกลยุทธ์ในการใช้ Innocent Devil ให้เหมาะสม โดยรวมแล้ว Castlevania: Curse of Darkness เป็นเกมที่ให้ประสบการณ์ที่น่าประทับใจ แม้จะไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีเสน่ห์และความสนุกที่ทำให้อยากกลับมาเล่นซ้ำอีกครั้ง เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !