(Photo by Lukas from Pexels)การที่จะเรียกว่าเป็นองค์กรอัจฉริยะได้นั้น องค์กรจะต้องมี Effective Executive ซึ่งคนที่เป็นผู้นำนั้น อย่างแรกเลยที่สำคัญ คือเรื่องนโยบาย (Policy) พอนโยบายได้แล้ว สิ่งที่ต้องหาต่อไปคือ วิธีการปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอน (Implementation Procedure) แต่สิ่งนี้แหละที่ผู้นำจะไม่ค่อยนึกถึง เพราะจะคิดแค่ว่าให้นโยบายไว้แล้ว ตัวเองก็ไปทำอย่างอื่นต่อ ไปประชุมโน่น ประชุมนี่ ไม่มีการวางการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอน(Photo by Jonathan Borba from Pexels)ซึ่งหลังจากมีนโยบายแล้ว สิ่งสำคัญ คือต้องดูว่า พนักงานบริษัทของเรา เข้าใจนโยบายดังกล่าวเหมือนกันหรือไม่ โดยเราจะต้องไปมีส่วนร่วใมนการกำหนดแนวทางในการเริ่มต้นการปฏิบัตินโยบายดังกล่าว เพราะฉะนั้น จึงต้องให้ความสำคัญมากกับการปฏิบัติหลังจากออกนโยบายมาแล้วพอหลังจากที่นโยบาย และวิธีการปฏิบัติออกมาแล้วนั้นก็จะตามมาด้วย ความอำนวยความสะดวก (Facilitate) ซึ่งผู้บริหารจะต้องเป็นคนอำนวยความสะดวก ให้กับการปฏิบัติตามนโยบายต่างๆ บรรลุผล ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่อง การปรับสมดุล(Regulate) เป็นการปรับสมดุลในองค์กร ให้พนักงานไม่เกิดความลักลั่นกัน เหมือนเป็นตำรวจในองค์กร ที่พยายามทำให้ทุกอย่างเกิดความเท่าเทียมกัน ต่อจากนั้น ก็เป็นเรื่องของการติดตาม (Follow up) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่ผู้บริหารมักจะลืม เพราะบางทีสั่งแล้ว ก็สั่งไปเรื่อย มีแต่ปริมาณงานที่สั่ง ไม่มีคุณภาพงานที่สำเร็จ ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องของ การแก้ไข (Solve) ต้องลงไปช่วยคนปฏิบัติแก้ไขปัญหา อาจจะไม่ต้องลงไปแก้ทุกเรื่องแต่ต้องอำนวยความสะดวกในเรื่องของหลักการ เพื่อก่อให้เกิดการแก้ไข และสุดท้ายคือ การตัดสินใจ (Execute)(Photo by energepic.com from Pexels)สรุปได้ว่า การที่จะเป็น Effective Executive ประกอบด้วย1. กำหนดนโยบาย (Policy)2. วางวิธีการปฏิบัติ (Implementation Procedure)3. ความอำนวยความสะดวก (Facilitate)4. การปรับสมดุล (Regulate)5. การติดตาม (Follow up)6. การแก้ไข (Solve)7. การตัดสินใจ (Execute)ส่วนในประเด็น การที่ผู้บริหารจะมีประสิทธิผลได้นั้นมันต้องมีสัญชาติญาณบางอย่างที่ติดตัวมา อย่างแรกคือ ความกล้า กล้าที่จะโดดเด่น แตกต่าง เผชิญวิกฤตหรือลงมือทำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนที่เป็นผู้นำ ต่อจากนั้นก็จะเป็นความเป็นคนมีวินัย ทำทุกอย่างเป็นระบบระเบียบ วัดผลได้ และทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นนิสัยที่สำคัญ แล้วค่อยเติมในทักษะต่างๆ(ภาพโดย mohamed Hassan จาก Pixabay)นอกจากนี้ คนเป็นผู้นำ จะต้องรู้จักเลือกคนที่มีความต่าง และนำมารวมกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้นำ ที่จะต้องรู้จักเลือกคนให้ตรงกับงาน เพราะถ้าเรามีผู้นำแบบนี้ ที่สามารถใช้คนได้ทุกประเภทให้เหมาะสมกับทักษะของเขา ทำให้เขาเกิดความรู้สึกด้วยว่าเขามีคุณค่ากับองค์กร จึงเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรอัจฉริยะและจากที่ Peter F Drucker เคยได้กล่าวถึง Effective Executive ซึ่งจะต้องมีอุปนิสัย 5 ประการ ดังนี้(Photo by Minervastudio from Pexels)1. รู้ว่าตัวเองใช้เวลาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน2. ต้องโฟกัสในผลลัพธ์ของงานมาก่อน ไม่ใช่ทำๆๆๆ อย่างเดียว3. ต้องสร้างตัวเองจากจุดแข็ง ขยายจุดแข็ง แล้วค่อยมาลบจุดอ่อน4. ต้องเน้นในขอบเขตงานที่มีความสำคัญ ที่ตัวเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ5. ต้องตัดสินใจอย่างมีประสิทธิผลจะเห็นว่าการที่จะขับเคลื่อนให้องค์กรธรรมดา ไปเป็นองค์กรอัจฉริยะได้นั้น ผู้นำ (ผู้บริหาร) ถือเป็นปัจจัยสำคัญสุด เพราะแม้องค์กรจะอยู่ในภาคธุรกิจที่กำลังรุ่งหรือกำลังขยายตัวมากแค่ไหน แต่ถ้าผู้นำไม่ดี องค์กรก็อาจต้องล่มสลายลงก็ได้