ดาวโจนส์ปิดพุ่งกระฉูดรับคาดการณ์ ไบเดน ชนะเลือกตั้งปธน.
วันนี้(4 พ.ย. 63)ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และพรรคเดโมแครตจะสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งจะเปิดทางให้คณะบริหารของนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,480.03 จุด เพิ่มขึ้น 554.98 จุด หรือ +2.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,369.02 จุด เพิ่มขึ้น 58.78 จุด หรือ +1.78% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,160.57 จุด เพิ่มขึ้น 202.96 จุด หรือ +1.85%
นักลงทุนยังคงรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดหีบและปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยรัฐจอร์เจีย อินเดียนา เคนตั๊กกี เซาท์แคโรไลนา เวอร์มอนท์ และเวอร์จิเนีย เป็นรัฐกลุ่มแรกที่ปิดหีบเลือกตั้ง และเริ่มนับคะแนนเร็วที่สุดของสหรัฐ โดยตรงกับวันนี้เวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย
แซค แพนเดิล นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดปรากฎการณ์ "Blue Wave" หรือสถานการณ์ที่นายไบเดนสามารถเอาชนะปธน.ทรัมป์ และพรรคเดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งหากเป็นไปตามคาดการณ์ ก็จะเปิดทางให้คณะทำงานของนายไบเดนสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงินเพียง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเป็นวงกว้างหลังโพลหลายสำนักบ่งชี้ถึงชัยชนะของนายไบเดน ซึ่งช่วยหนุนหุ้น 10 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมที่พุ่งขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ทะยานขึ้น 4.09% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 3.15% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 2.53% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นฮันนีเวลล์ พุ่งขึ้น 3.23% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.4% หุ้น 3M บวก 1.5%
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.75% แม้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิป ดิ่งลง 3.04% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.74% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.46%
หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 8.1% หลังจากเจ้าหน้าที่จีนได้สั่งระงับการนำหุ้นของแอนท์ กรุ๊ป (Ant Group) ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคในเครือของอาลีบาบา เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ การระงับการจดทะเบียนหุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ได้ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของแอนท์ กรุ๊ปในการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) สูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำ IPO ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก โดยหากประสบความสำเร็จจะสามารถทำลายสถิติเดิมที่บริษัทซาอุดี อารามโคทำไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากผลการเลือกตั้งแล้ว นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย. และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งดีกว่าเดือนส.ค.ที่ขยับขึ้นเพียง 0.6% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1% โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินค้าจำพวกคอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline