นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน “ดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS” ไม่ได้เปลี่ยนสีหลายครั้งอย่างที่เป็นข่าว

9 พฤศจิกายน ภายหลังมีกระแสข่าวจากหลายสำนักว่าดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS เปลี่ยนสีไปมาหลายครั้งอย่างลึกลับ ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ออกมาชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่ถูกต้อง โดยยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงของดาวหางเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว  และสามารถอธิบายได้ด้วยกระบวนการทางฟิสิกส์ปกติของดาวหาง

ดาวหางผู้มาเยือนจากต่างระบบสุริยะ

สำหรับ 3I/ATLAS คือ ดาวหางระหว่างดวงดาวดวงที่ 3 ที่ถูกค้นพบในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ยานอวกาศหลายลำที่หันหน้าเข้าดวงอาทิตย์สามารถจับภาพได้ว่า ดาวหางสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปกติที่ดาวหางทั่วไปจะทำได้ในระยะทางเดียวกัน

ข้อมูลใหม่ชี้ “สีฟ้า” มาจากโคมาก๊าซ

รายงานฉบับร่าง (Pre-print) บนเว็บไซต์ arXiv ระบุว่า ดาวหางมี “สีฟ้ากว่าดวงอาทิตย์” ซึ่งขัดกับการสังเกตก่อนหน้า ทำให้หลายสื่อรีบรายงานว่า “ดาวหางเปลี่ยนสี” ไปมาหลายครั้ง  

นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า การที่ดาวหางดูเหมือนเปลี่ยนสีเกิดจากโคมา (Coma) หรือกลุ่มก๊าซและฝุ่นที่ปล่อยออกมาจากแกนกลางน้ำแข็งของดาวหางเมื่อได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ซึ่งทำให้มันเปล่งแสงฟ้าและสีเขียวขึ้น ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของวัสดุจริง ๆ

ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ ฮับเบิล (Hubble Space Telescope) เมื่อเดือนสิงหาคม 2025 ก็แสดงให้เห็นว่าโคมาของ 3I/ATLAS มีสีฟ้า–เขียวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับภาพที่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ภารกิจสังเกตการณ์จากหลายประเทศ

ความน่าสนใจของ 3I/ATLAS ทำให้หลายหน่วยงานทั่วโลกเข้าร่วมสังเกตการณ์ทั้ง ยาน ExoMars Trace Gas Orbiter ของยุโรป, ยาน Tianwen-1 ของจีน, รวมถึงกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินหลายแห่ง เพื่อศึกษาธาตุและสภาพของวัตถุจากนอกระบบสุริยะที่ยังไม่เคยมีข้อมูลมาก่อน

ดาวหางดวงนี้จะเข้าใกล้โลกที่สุดในวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ที่ระยะประมาณ 270 ล้านกิโลเมตร โดยไม่มีความเสี่ยงต่อโลกแต่อย่างใด