เชียงใหม่ห้ามใช้‘จุดความร้อน’เป็นที่ทำกินในฤดูฝน ฝ่าฝืนดำเนินคดีทันที
พ่อเมืองเชียงใหม่ย้ำ‘จุดความร้อน’ทุกจุด ต้องไม่เป็นที่ทำกินในฤดูฝน พบปชช.ฝ่าฝืนตกเป็นผู้ต้องหาทันที ขณะที่คุณภาพอากาศเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง
วันที่ 15 เมษายน ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี และนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 5 อำเภอ ที่เกิดจุดความร้อน หรือ Hotspot มากที่สุด ได้แก่ อ.แม่แจ่ม อ.กัลยาณิวัฒนา อ.แม่แตง อ.เชียงดาว และอ.ฝาง
นายเจริญฤทธิ์ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าจุดความร้อนจะลดลงอย่างต่อเนื่องแล้วก็ตาม ขณะเดียวกันทุกอำเภอต้องทำงานบูรณาการกำลังกับทุกภาคส่วน ลงพื้นที่เข้าไปสร้างการรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในหมู่บ้านให้ทราบอย่างทั่วถึง ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะพื้นที่ผ่อนผันที่ทำกิน หรือพื้นที่ป่าบริเวณใกล้เคียง ที่มีการแบ่งเขตความรับผิดชอบในการครอบครองไว้แล้ว หากพบมีการเผาเกิดขึ้น จะต้องเพิกถอนสิทธิทันที และจะดำเนินคดีทุกจุด
“หากใครเข้าไปทำประโยชน์ในช่วงฤดูฝนนี้ ถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัย และนำสู่การเป็นผู้ต้องหาในที่สุด ทั้งนี้ได้ให้ทุกอำเภอปฏิบัติตามข้อสั่งการของจังหวัด ที่ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบพื้นที่ที่มีจุดเผาไหม้ในแต่ละวัน ตามที่จังหวัดได้ชี้เป้าให้ และดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีทุกคดี จนได้รายชื่อผู้ครอบครองที่ดินให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 วัน หากกรณีที่ทางศูนย์ฯ จังหวัด ยังไม่สามารถชี้เป้าจุดความร้อนได้ชัดเจน จะมีการขยายเวลาให้ทางอำเภอเข้าตรวจสอบในพื้นที่ และแจ้งผลมายังศูนย์ฯ จังหวัด ภายใน 24 ชั่วโมง”ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าว
ด้านนายคมสัน กล่าวว่า ขอความร่วมมือทุกอำเภอช่วยกันระดมกำลังกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จัดทำโครงการปลูกต้นไม้ในพื้นที่ป่าที่ถูกการเผาไหม้ไปแล้ว เพื่อคืนสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ตามแนวทางของศาสตร์พระราชา การทำป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยดึงกำลังจิตอาสา เด็กและเยาวชน ร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้ และปลูกฝังจิตสำนึกแก่เด็กและเยาวชนให้เห็นคุณค่าทรัพยากรธรรมชาติ ให้เกิดความรัก หวงแหน ร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้สภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นมาก สามารถมองเห็นพระธาตุดอยสุเทพวรวิหารได้ชัดเจนกว่าในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กระแสลมแรงและมีรายงานฝนตกในพื้นที่ต่างอำเภอ แต่ยังไม่มากนัก ในขณะที่ตัวเมืองเชียงใหม่ไร้ฝนอย่างที่ไม่เคยเป็นติดต่อกันมา 2 ปี จากปกติที่ฝนจะตกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือประเพณีปี๋ใหม่เมือง ส่วนดัชนีคุณภาพอากาศในระดับโลกดีขึ้นเช่นกัน