นายกฯ เนเธอร์แลนด์ประณามเหตุรุนแรงต้านมาตรการคุมโควิด-19
เดอะเฮก, 23 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (22 พ.ย.) มาร์ก รุตเต นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ประณามเหตุรุนแรงที่มุ่งต่อต้านมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในหลายเมืองของประเทศตลอดสามวันที่ผ่านมา พร้อมเตือนว่าทางการจะทำทุกวิถีทางเพื่อลงโทษผู้ก่อการจลาจล
"นี่ไม่ใช่การประท้วงต่อต้านมาตรการโรคโควิด-19 แต่เป็นการใช้ความรุนแรงล้วนๆ โดยกลุ่มคนงี่เง่า ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการประท้วงเลย" รุตเตกล่าวหลังร่วมหารือกับคณะรัฐมนตรี
"ผมรู้ว่าเราต่างตึงเครียดกันมาก เพราะต้องทนกับโรคโควิด-19 มานาน แต่เราไม่มีวันยอมรับการที่พวกงี่เง่าใช้ความรุนแรงกับคนที่ทำงานให้พวกเราเพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศไว้"
หลายเมืองในเนเธอร์แลนด์เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบติดต่อกันเป็นคืนที่ 3 โดยเมื่อคืนวันอาทิตย์ (21 พ.ย.) เกิดเหตุรุนแรงในเมืองโรเซนดาล เอ็นสเคอเด และโกรนิงเงิน ซึ่งสองเมืองหลังต้องใช้คำสั่งฉุกเฉินเพื่อเปิดทางให้ตำรวจออกมาควบคุมสถานการณ์
รายงานระบุว่ามีผู้ถูกจับกุมในเอ็นสเคอเด 5 ราย และในโกรนิงเงิน 3 ราย ส่วนในโรเซนดาล มีผู้วางเพลิงโรงเรียนประถม ยิงดอกไม้ไฟ และเหตุไฟไหม้รถยนต์ 1 คัน นำไปสู่การจับกุมประชาชน 15 ราย
เมื่อวันอาทิตย์ (21 พ.ย.) มีผู้ก่อความไม่สงบระหว่างการแข่งขันฟุตบอล โดยในเมืองรอตเทอร์ดาม มีผู้ถูกจับกุม 24 รายหลังโยนดอกไม้ไฟใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สนามกีฬาเฟเยนูร์ด เดอ คุป
ก่อนหน้านั้นในคืนวันเสาร์ (20 พ.ย.) เกิดการประท้วงรุนแรงในเมืองเดอะเฮก เอิร์ก บุนสโคเตน สปาเคนเบิร์ก กอตวิจก์ สไตน์ และรัวร์มอนด์ โดยมีผู้ประท้วงถูกจับกุมในเดอะเฮกรวม 19 ราย
เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้เริ่มต้นเมื่อเย็นวันศุกร์ (19 พ.ย.) ที่เมืองรอตเทอร์ดาม โดยมีผู้ถูกจับกุมจากการโจมตีเจ้าหน้าที่ ปลุกปั่นความรุนแรง และฝ่าฝืนคำสั่งฉุกเฉิน ทำให้มีผู้บาดเจ็บและถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล 4 ราย
ทั้งนี้ การประท้วงมุ่งต่อต้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยเฉพาะนโยบาย 2จี (2G) ที่รัฐบาลเสนอเมื่อวันศุกร์ (19 พ.ย.) ซึ่งกำหนดการใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือหายป่วยจากโรคโควิด-19 ในบางสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง และสถานการณ์อื่นที่จำเป็น