"The One Thing" หรือชื่อภาษาไทย "ได้ทุกสิ่งด้วยสิ่งเดียว" เป็นหนังสือเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการบริหารเวลา เขียนโดย Gary Keller และ Jay Papasan โดยหนังสือให้เหตุผลว่า การมุ่งเน้นไปที่สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดและขจัดสิ่งรบกวนออกไป คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทุกด้านของชีวิต เป็นกรอบสำหรับการระบุและจัดลำดับความสำคัญของงานที่สำคัญที่สุด และเสนอกลยุทธ์สำหรับการเอาชนะอุปสรรคเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ หนังสือยังกล่าวถึงความสำคัญของการกำหนดเป้าหมายและการพัฒนาวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคตโดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้ได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวกและได้รับการยกย่องสำหรับคำแนะนำและกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริง ผู้อ่านบางคนพบว่าแนวคิดที่นำเสนอในหนังสือนั้นสร้างแรงบันดาลใจและเป็นประโยชน์ในการบรรลุเป้าหมาย ในขณะที่บางคนบอกว่าการมุ่งเน้นที่งานเดียวนั้นมีข้อจำกัดหรือเป็นความไม่สมจริง แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะการบริหารเวลา ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรือในอาชีพการงานประเด็นหลักของหนังสือ "The One Thing" มีดังนี้การมุ่งความสนใจไปที่สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดและการขจัดสิ่งรบกวนซึ่งสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในทุกด้านของชีวิตคุณในการระบุงานที่สำคัญที่สุดของคุณ คุณควรถามตัวเองด้วยคำถามว่า "อะไรคือสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ โดยที่การทำอย่างอื่นจะง่ายขึ้นหรือไม่จำเป็นต้องทำเลย"ในหนังสือกล่าวถึงการจัดทำกรอบสำหรับการจัดลำดับความสำคัญของงานตามผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ระยะเวลาและทรัพยากรที่จำเป็นในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นในหนังสือยังนำเสนอกลยุทธ์สำหรับการเอาชนะอุปสรรคในการเพิ่มผลลัพธ์ เช่น การผัดวันประกันพรุ่งและการขาดแรงจูงใจหนังสือเน้นความสำคัญของการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและการพัฒนาวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตผู้เขียนหนังสือให้เหตุผลว่า การมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดเพียงสิ่งเดียว คุณจะประสบความสำเร็จและสมหวังมากขึ้นในชีวิตส่วนตัวและอาชีพของคุณก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้นั้น การทำงานก็จะเป็นแบบสะเปะสะปะ ทำงานไม่เสร็จสักอย่าง และชอบทำงานหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน สุดท้ายแล้วงานเสร็จช้ากว่าที่คิดและผลงานที่ออกมาก็ไม่ดีพอ เพราะไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานที่ทำ แต่เมื่อผู้เขียนได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วก็นำความรู้หรือแนวคิดที่ได้จากหนังสือมาดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น งานถ่ายภาพ เป็นต้นเมื่อก่อนผู้เขียนจะถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก เพราะคิดว่าจะพลาดภาพสวยๆ ถ่ายเยอะไว้ก่อนแล้วแค่เลือกทีหลัง ซึ่งเป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อน ไร้คุณภาพ หลังจากที่ถ่ายภาพเสร็จแล้ว ยังต้องกลับมาเลือกภาพอีกหลายร้อยภาพ ซึ่งเหนื่อยมาก แต่เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ผู้เขียนได้ถ่ายภาพน้อยลง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ ในการกดชัตเตอร์แต่ละครั้งต้องมั่นใจแล้วว่าภาพต้องสวย เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลืิอกอีก เพราะได้เลือกก่อนถ่ายแล้ว ผลสุดท้ายก็ถ่ายภาพได้น้อยลง การเลือกภาพก็น้อยลงด้วย และทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น คุณภาพงานก็ดีมากขึ้นด้วย นี่เป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ที่หนังสือเล่มนี้นำเสนอ ถ้าผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถหาเล่มเต็มมาอ่านได้ คิดว่าปัจจุบันนี้ตามร้านขายหนังสือทั่วไปหรือตามเว็บขายหนังสือก็น่าจะยังพอมีจำหน่ายอยู่ รับรองว่าเมื่ออ่านจบแล้วคุณจะได้การตกผนึกและนำแนวคิดมาใช้ในชีวิตประจำวันทั้งในเรื่องการทำงานและการดำเนินชีวิตได้อย่างแน่นอนภาพประกอบภาพปก โดย Gerd Altmann จาก Pixabay ภาพ 1-3 โดย ผู้เขียนภาพ 4 โดย SplitShire จาก Pixabay 7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร