เรารู้กันดีว่า การขับถ่ายเป็นกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ทุกคน ด้วยกลไกของร่างกายที่เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป แล้วเกิดกระบวนการดูดซึมสิ่งที่ทำให้ร่างกายได้ประโยชน์ กากใยของเสียที่เหลือย่อมต้องขับออกไป เพื่อจะได้รับของใหม่ ๆ มาใส่ได้อีก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เราเคยสังเกตหรือไม่ว่า เราทุกคนต้องขับถ่ายเหมือนกัน แต่ทำไมวิถีการขับถ่ายของคนแต่ละชาติ จึงแตกต่างกันจนน่าประหลาดใจรูปภาพโดย Franck V. : Unsplashอย่าเพิ่งคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องชวนอาเจียน ความจริงแล้วเป็นเรื่องธรรมชาติที่รู้เอาไว้ก็เป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย คนไทยเราเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เผื่อวันใดต้องไปต่างบ้านต่างเมือง จะได้เข้าใจและใช้ชีวิตได้ถูกต้อง ไม่แปลกที่เราถกเถียงกันอยู่เสมอว่า ทำไมเราต้องใช้สายชำระ ทำไมคนหลายชาติขับถ่ายเสร็จแล้วถึงไม่ใช้น้ำล้างก้น นวัตกรรมส้วมไปถึงไหนต่อไหน ทำไมหลายบ้านจึงยังนั่งส้วมซึมกันอยู่ ความสงสัยทั้งหมดจะได้รับการคลี่คลายดังต่อไปนี้ส้วมมาจากไหน เรื่องนี้ต้องย้อนไปไกลถึงสมัยโรมัน เราอาจจะคิดว่าคนโบราณเมื่อปวดหนักคงไปกลางทุ่ง หยิบพลั่วไปขุดหลุม ทำธุระจนเสร็จเรียบร้อยจึงฝังกลบ แต่โรมันได้ชื่อว่าเป็นอารยธรรมที่ศาสตร์ความรู้รุ่งเรืองถึงขีดสุด แม้กระทั่งการขับถ่ายก็ต้องทำให้ถูกสุขลักษณะด้วยเช่นกันรูปภาพโดย DanielAlon : Pixabayแหล่งโบราณคดีที่สันนิษฐานว่าเป็นงานสุขาภิบาลของชาวโรมันพบที่เมืองเมริดา ประเทศสเปน ขอให้ทุกคนจินตนาการถึงสนามแห่งหนึ่งที่อยู่กลางแจ้ง มีหลุมเล็กหลุมน้อยอยู่ถึง 25 หลุม มีหินสองแผ่นวางอยู่ระหว่างหลุมเพื่อใช้เป็นที่เหยียบ แต่ละหลุมถูกขุดไว้เหนือท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ เมื่อชาวโรมันปวดอุจจาระก็ไปนั่งที่หลุม ระหว่างการขับถ่ายอุจจาระก็จะหล่นลงไปในท่อระบายน้ำ แล้วพัดพาไปสู่ระบบจัดการน้ำของเมืองที่เรียกว่า อควีดักต์ (Aqueduct) เมื่อขับถ่ายเสร็จก็จะใช้ไม้ที่มัดด้วยฟองน้ำหรือที่เรียกว่า ไม้ก๊อมป์ (Gompt) จุ่มลงไปในท่อระบายน้ำด้านล่าง แล้วนำมาเช็ดก้นให้สะอาด ใช้เสร็จก็วางไว้รอคนต่อไปมาใช้ต่อ มาถึงตรงนี้หวังว่าคงไม่มีใครอาเจียนไปเสียก่อนอย่าคิดว่านวัตกรรมเรื่องสุขาภิบาลนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะโลกตะวันตก เพราะไทยเราก็มีวิถีการขับถ่ายด้วยลักษณะคล้ายกัน ต่างกันตรงที่ไม่มีระบบระบายของเสียแบบโรมัน ส้วมไทยสมัยก่อนเรียกว่า ส้วมหลุม นั่นคือการขุดหลุมไว้บริเวณบ้าน มีไม้พาดเอาไว้เพื่อใช้เหยียบขณะขับถ่าย เมื่อหลุมเริ่มเต็มจึงค่อยฝังกลบแล้วย้ายไปขุดหลุมอื่น แถมยังมีอุปกรณ์ลักษณะคล้ายของโรมันเรียกว่า ไม้แก้งก้น ซึ่งจะใช้เขี่ยเศษอุจจาระให้หลุด แล้วใช้ใบไม้หรือกระดาษเช็ดซ้ำอีกรอบ สมัยนั้นคงไม่ใช่วิธีการที่ถูกสุขอนามัยมากนัก แต่เป็นการแก้ไขปัญหาการขับถ่ายเรี่ยราดของคนไทยยุคนั้นได้ดีพอสมควรรูปภาพโดย Aitoff : Pixabayส้วมทั่วโลกมีพัฒนาการมาหลายรูปแบบ ส้วมซึมหรือส้วมคอห่าน ต้องนั่งยองขณะขับถ่าย แล้วใช้น้ำราดหลังขับถ่ายเสร็จ แถมยังต้องใช้มือของเราผ่านน้ำแล้วมาขัด ๆ ถู ๆ ทุกซอกทุกมุมให้สะอาดหมดจด จากนั้นจึงมี ส้วมถังเท เป็นการขับถ่ายลงในถัง แล้วมีหน่วยงานชื่อ บริษัทสอาด เข้ามาเก็บถังอุจจาระไปจัดการทุกวัน ก่อนจะมาเป็น ส้วมชักโครก พร้อมสายฉีดชำระแบบที่เราได้ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านสุขาภิบาลที่ก้าวหน้า การใช้น้ำความดันแรงผ่านสายชำระฉีดล้างเศษอุจจาระทำให้เรารู้สึกสะอาด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องแลกมาด้วยเชื้อโรคที่อาจเกาะอยู่บริเวณฝารองนั่ง และส่วนมือจับของสายชำระที่ต้องดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดีรูปภาพโดย Jasmin Sessler : Unsplashถึงแม้จะมีสายฉีดชำระ แต่หลายประเทศก็ยังนิยมใช้กระดาษชำระในการเช็ดทำความสะอาดอยู่ดี โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรป เรื่องนี้มีคำตอบที่ง่ายมากว่าเพราะเหตุใดฝรั่งจึงไม่ใช่น้ำล้างก้น เพราะลักษณะภูมิประเทศที่ไม่เหมือนบ้านเรา บางประเทศอุณหภูมิติดลบ ลองนึกถึงความรู้สึกตอนเล่นน้ำสงกรานต์ แล้วถูกสาดน้ำด้วยน้ำเย็นจัด การขับถ่ายแล้วใช้น้ำเย็นจัดฉีดตรงบริเวณนั้นก็คงให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน การใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดอย่างถูกวิธีจึงเป็นวิธีที่สะดวกกว่า กลายเป็นความเคยชินที่ส่งต่อมาถึงปัจจุบันรูปภาพโดย Giorgio Trovato : Unsplashชีวิตในห้องสุขาแท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่น่าค้นหา และต้องทำความเข้าใจ เพราะแม้แต่การขับถ่าย คนแต่ละชาติยังมีวิธีการที่แตกต่างกัน ก่อนจะมีสายฉีดชำระ เราก็ต้องใช้มือของตัวเองสัมผัสกับเศษอุจจาระเพื่อล้างทำความสะอาด เพราะเรามองว่าการใช้กระดาษชำระเช็ดไปเช็ดมาอย่างไรก็คงไม่สะอาดเท่า ในขณะที่ชาวต่างชาติถือว่าการใช้มือล้างก้นเป็นวิธีการที่ไม่ถูกจริตกับพวกเขามากนัก การเรียนรู้วัฒนธรรมในห้องส้วมจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถึงแม้ว่าวิธีการจะต่างกัน แต่สุดท้ายความสะอาดก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึงมากที่สุด ก่อนออกจากห้องสุขาในวันนี้ อย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่า คุณล้างก้นดีพอหรือยังรูปภาพหน้าปกโดย Sincerely Media : Unsplash