เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวฆาตกรต่อเนื่องคดีฆาตกรรมหญิงสาวอย่างเหี้ยมโหด ถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกหลังได้รับโทษจำคุกไปเพียง 14 ปี ซึ่งเป็นการลดโทษจากการจำคุกตลอดชีวิต และสุดท้ายมันก็ได้กลับมาก่อเหตุซ้ำ หญิงรายหนึ่งตกเป็นเหยื่อรายที่ 6 ของไอ้ฆาตกรใจโหด ทั้งที่เธอให้ความรักและความไว้วางใจจนถึงขั้นจะยอมแต่งงานด้วย โดยหารู้ไม่ว่ามันเพียงหลอกให้เธอตายใจเพื่อหวังก่อเหตุอันน่าสลดใจนี้ขึ้นอีกครั้งในวันแต่งงานของเธอ ภาพประกอบจาก pexels.com ไม่มีใครรู้เลยว่า ทำไมฆาตกรรายนี้ถึงเลือกที่จะกลับมากระทำการก่อเหตุอีกหลังเพิ่งได้ได้รับการปล่อยตัวไปไม่นาน ไม่มีใครรู้เลยว่ามันใช้วิธีการเช่นไรถึงทำให้เหยื่อตายใจจนถึงกับตกหลุมรักและให้ความไว้วางใจได้ถึงเพียงนี้ และอีกหนึ่งคำถามที่เราควรจะต้องหันมาขบคิดกันให้มากขึ้น ในเมื่อกระบวนการด้านความยุติธรรมทางกฎหมายเอื้อให้ผู้กระทำผิดกลับออกมาสู้สังคมและมาก่อเหตุซ้ำเช่นนี้ได้ เราจะทำอย่างไรที่จะไม่พลาดกลายไปเป็นเหยื่อของ.. ฆาตกร อย่าหลงเชื่อใครที่รู้จักกันผ่านทาง social media ภาพประกอบจาก pexels.com เนื้อหาในข่าวระบุว่าผู้ตายรู้จักกับฆาตกรผ่านทาง Facebook โดยฆาตกรบอกว่ากับเหยื่อว่าทำงานเป็นทนายอยู่ที่ภาคใต้ ด้วยช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยที่ไม่จำเป็นต้องเจอตัวจริงกันมาก่อน ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกลวง และสุดท้ายจากช่องทางการสื่อสารออนไลน์นี้เองที่พาให้คนร้ายมาปลิดชีวิตเธอไปโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้รู้เลย แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีคู่รักหลาย ๆ คู่ที่ได้พบรักกันจริงโลกออนไลน์ แต่คุณจะมั่นใจได้แค่ไหนว่า สุดท้ายเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำกับตัวคุณเอง ควรรู้จักอีกฝ่ายผ่านทางเพื่อนฝูงและครอบครัวของเขาด้วย ภาพประกอบจาก pexels.com จากข้อมูลการถูกจับกุมสมัยเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมาพบว่าตลอดระยะเวลาที่ถูกจองจำ ฆาตกรไม่เคยมีญาติมาเยี่ยมเลยแม่แต่ครั้งเดียว ซึ่งถึงแม้ว่าใครหลาย ๆ คนจะยึดถือคติที่ว่า ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ในเมื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจถึงขั้นคบหาใคร อย่างน้อยเราต้องทำความรู้จักกับครอบครัว หรือเพื่อนของเขา และเรียนรู้นิสัยของเขาเพิ่มเติมจากคนเหล่านั้น เพราะหากคนคนนั้นไม่เคยบอกเล่าเรื่องญาติพี่น้องหรือเพื่อน ๆ คนไหนให้เราฟังเลย ไม่เคยพาให้เราไปรู้จักกับคนรอบตัว แปลว่าเขาอาจจะไม่บริสุทธิ์ใจกับเรา หรือไม่ก็บางทีเขาอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังปิดบังเราอยู่ อย่าไว้ใจเพียงเพราะหน้าที่การงานดี เพราะรักครั้งนี้อาจเป็นแค่เพียงการ “หลอกแต่งงาน” ภาพประกอบจาก pexels.com จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ก็ยังมีข่าวการ “หลอกแต่งงาน” มาให้ได้ยินอยู่เสมอ เช่น ฝ่ายชายหลอกว่าตนเป็นนายตำรวจ เป็นเสี่ยนักธุรกิจ แล้วมาทำการสานสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่สุดท้ายจะมาขอแต่งงาน ซึ่งอาจเป็นการแต่งงานเพื่อหวังทรัพย์สิน หรือฝ่ายชายอาจมีครอบครัวอยู่แล้ว ซึ่งฝ่ายหญิงที่หลงเชื่อก็ไม่เคยได้เห็นการประกอบอาชีพใด ๆ ตามที่ฝ่ายชายกล่าวอ้าง เช่นเดียวกับในกรณีการฆาตกรรมนี้ ที่ฆาตกรสร้างโปรไฟล์ให้ตัวเองดูมีความน่าเชื่อถือ มีอาชีพเป็นทนาย และสุดท้ายก็อาศัยความเชื่อใจมากระทำการก่อเหตุ ภาพประกอบจาก pexels.com แม้ว่าเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดใจกับการที่ความรักกลายเป็นประตูนำทางไปสู่ความตายจะไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และแม้ว่าในความเป็นจริงนั้นไม่ควรจะมีใครที่ต้องได้รับสิ่งตอบแทนอันเลวร้ายจากการไว้ใจเพราะความรัก แต่เราก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้มันอาจจะขึ้นกับเราเมื่อไหร่หรือวันไหนก็ได้ และในเมื่อกระบวนการทางกฎหมายยังคงเอื้อให้เกิดการก่อเหตุขึ้นซ้ำ หรือเกิดผู้กระทำผิดรายใหม่จากโทษอันบางเบา เราเองก็จำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวให้มากเช่นกัน เพราะหากเกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายจนถึงขึ้นต้องสูญเสียชีวิตไป มันจะไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก และก็ได้แต่หวังว่าคดีฆาตกรรมเช่นนี้จะมีการกำหนดโทษขั้นรุนแรงชนิดที่ไม่มีใครกล้ากระทำความผิดอีกเลย