เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่อง ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,675-1,690 จุด บรรยากาศการลงทุนยังขาดปัจจัยบวกเข้ามาหนุนหลังจากที่ถูกกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจสูงกว่าที่ตลาดเคยประเมินจากเดิมที่คาด Peak ที่ 4.75-5% เริ่มปรับเป็น 5-5.25% หรืออาจสูงกว่า ส่งผลให้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหุ้น พันธบัตร และเข้าถือดอลลาร์ที่พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว ประกอบกับตลาดหุ้นที่โลกปรับตัวขึ้นเด่นโดย MSCI World Index +8.3% YTD ทำให้เผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น
ส่วนในประเทศเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค. เริ่มชะลอเล็กน้อยและมีแนวโน้มทยอยอ่อนตัวลงต่อเนื่องในเดือนถัดๆไป แต่ยังคงสูงกว่าระดับ 2% และดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ทำให้คาดยังเห็นการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ด้านราคาน้ำมันดิบเริ่มทรงตัวได้หลังจากพักฐานติดต่อกันหลายวันก่อนหน้า แต่ยังเป็นระดับที่ต่ำเทียบกับปีก่อน จึงยังเป็นบวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity และ Consumption Play ให้ยังปรับตัวดีกว่าตลาด โฟกัสของตลาดในเดือนนี้ยังอยู่ที่การประกาศกำไร 4Q22 ของบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มทยอยออกมาหนาตามากขึ้น ส่วนจังหวะพักตัวของดัชนียังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือนก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE
หุ้นเด่นวันนี้ : ILINK
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท
• คาดกำไร 4Q22 เป็นระดับสูงสุดของปี +20% q-q แต่ -13% y-y เพราะฐานกำไรของ ITEL ที่สูงใน 4Q21 แรงหนุนในไตรมาสนี้มาจากงานก่อสร้างเคเบิ้ลใต้น้ำเกาะเต่าที่ส่งมอบได้ราว 12-15% ของมูลค่างาน 1.78 พันลบ. ขณะที่ธุรกิจ Distribution โตตามความต้องการที่เพิ่มแต่รายได้ลด q-q เพราะ 3Q22 มีการจัดงาน Interlink Expo
• เราคาดกำไรทั้งปี 2022 +3% y-y โตต่ำถูกฉุดจาก ITEL แต่ยังคงคาดกำไรปี 2023 +33% y-y โตทั้ง ILINK และการฟื้นของ ITEL ด้าน Valuation ยังถูก เทรด PER เพียง 9 เท่าและให้ Dividend Yield ปีละ 6-7%
• แนวรับ 7.60-7.50 บาท แนวต้าน 8//8.50 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของ Powell คืนนี้ ของไทยยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยปัจจัยที่ถ่วงตลาด ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ คือ จุด peak ของดอกเบี้ย Fed อาจสูงถึง 5.25% และรอดูสงครามยูเครน-รัสเซีย ที่จะครบ 1 ปี 24 ก.พ.นี้
ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กลับเข้ามาในตลาด หลังตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ติดตาม Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวแถลงคืนนี้ เพื่อจับทิศทางแนวโน้มของดอกเบี้ย
พรุ่งนี้(8) Biden ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีการแถลงนโยบายต่อสภาคองเกรส ซึ่งอาจจะมีการพูดถึงการเก็บภาษีอะลูมิเนียม จากรัสเซีย 200% ขณะที่บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เลื่อนเยือนจีนไม่มีกำหนด หลังเกิดเหตุบอลลูนสอดแนมน่านฟ้าสหรัฐฯ เรามองว่าเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นในเชิงจิตวิทยา
ซาอุฯ มีการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 20 เซนต์/บาร์เรล เดือนหน้า ต้องรอดูว่าราคาน้ำมันยังสามารถยืนเหนือ $80 เหรียญได้หรือไม่ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายหุ้น PTTEP
ในประเทศเป็นเรื่องของการเก็งงบ 4Q22 ตลาดไม่มีปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยหนุน ทำให้นักลงทุนมีการ Rotate หุ้นในการเล่นรายวัน หรือเก็งงบตัวที่จะออกมาดี
ตัวเลขเศรษฐกิจและ Event วันนี้ คือ ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกสหรัฐฯ และการประชุม ครม.
Strategy
• การเวียนกลุ่มเล่นของนักลงทุน แทบจะรายวัน บ่งชี้ว่าดัชนีฯ ยังติดแถวๆ 1690 จุดไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้การลงทุนช่วงนี้ ยังเน้นเล่นสั้นๆ เช่นเดิม
• หุ้น size เล็ก-กลาง ราคาลงมาลึก TACC, CKP
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำหุ้น NEX, KTC ออกจากพอร์ต เพิ่มหุ้น WICE เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย WICE(15%), EA(10%), BBIK(10%), CRC(15%), GLOBAL(15%)
Strategy Stock Pick
WICE: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.00 บาท) “WICE x SAT เตรียมพัฒนาศูนย์กระจายสินค้า”
•ประเมินรายได้จากความร่วมมือระหว่าง WICE และ SAT บนพื้นที่ 50,000 ตร.ม. ที่ 150-250 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 4-5% ของประมาณการรายได้ปี 2023 ของ WICE พร้อมติดตามความร่วมมือใหม่ๆ
•ธุรกิจ Cross border จะฟื้นตัวเด่นในปี 2023 หลังจีนและทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการโควิดอย่างเป็นทางการ
•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 571 ลบ. และ 520 ลบ. +6.7%YoY, -8.9%YoY ตามลำดับ
Technical : AAI, YONG
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงในกรอบแนวรับ 1,670 – 1,680 แนวต้าน 1,695 แนะนำซื้อเก็งกำไร ERW,CENTEL,MINT,AAV,BAFS (+กรุ๊ปทัวร์จีนเข้าไทย)/ MTC,RS,HMPRO,ICHI (+อุปสงค์สินเชื่อ & การบริโภคฟื้นตัว)
ERW* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 5.10 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 มีโอกาสพลิกเป็นบวกหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ ขยายตัวได้ดีทั้งในแง่ของ RevPar และ Occ rate ขณะที่ Budget Hotel – Hop Inn ทยอยฟื้นตัวตาม Domestic Demand ทำให้ราคาห้องพักเฉลี่ยขยับเข้ามาใกล้ระดับ Pre-Covid ส่วนในช่วง 1Q66 ยังเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่องจาก China Reopening โดยประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 66 อาจจะสูงกว่า 25 ล้านคน ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทสามารถพลิกเป็นกำไรได้ในปี 66
TACC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 9.45 บาท) ประเมินแนวโน้มการดำเนินงานในช่วง 4Q65 ยังสดใส YoY ได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายม.ควบคุมต่างๆในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราคาดว่าจะส่งผลให้ยอดขาย B2B ในส่วนของร้าน 7-11(All Cafe) ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ TACC* เป็น supplier ให้กับสาขาที่มากขึ้นนอกจาก 7-11 ในไทย โดยมีการขยายยอดขายไปยังสาขาของ Lotus’s go fresh ผ่านทาง Jungle Cafe, ใน Food Court ของ Lotus Hypermarket รวมถึง 7-11 ในกัมพูชา ด้านผู้บริหารวางเป้ารายได้ปี66 จะโต +10%YoY พร้อมทั้ง ขยายไลน์การผลิตเพิ่มเติม 20-30% ที่โรงงานบ้านบึง ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.35 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.41 บาท/หุ้น, และ 0.45 บาท/หุ้น ตามลำดับ