"สีหศักดิ์" แถลงต่อคณะทูตานุทูต ย้ำผลประโยชน์สูงสุดของไทย

ที่กระทรวงการต่างประเทศในวันนี้ (1 ต.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงต่อคณะทูตานุทูตต่างประเทศที่ประจำอยู่ในไทย และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยผู้เข้าร่วมประกอบด้วยเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนจาก 67 ประเทส และ 5 องค์การระหว่างประเทศ รวม 99 คน เพื่อหลังขึ้นปราศรัยในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ
นายสีหศักดิ์ ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศเป็นระยะเวลา 4 เดือน จากนั้นจะมีการประกาศยุบสภาเพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 4 เดือนแต่ 4 เดือนนับจากนี้จะเป็น 4 เดือนที่มีความหมาย การดำเนินนโยบายต่างๆ จะต้องไม่มองเพียงระยะสั้น แต่จะต้องมองถึงประสิทธิภาพในระยะยาว
ซึ่งการเชิญคณะทูตมาร่วมการบรรยายสรุปในวันนี้ก็เพื่อต้องการชี้แจงว่าการดำเนินนโยบายการต่างประเทศของไทยจะดำเนินไปในทางใด โดยเน้นย้ำว่าจะต้องเป็นการทูตที่ครอบคลุม และนำประเทศไทยให้เดินหน้าต่อได้และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศอันสูงสุด
"ไทยเข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเพื่อย้ำว่าเรามีจุดยืนทั้ง ในประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลก อาทิ สงครามรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ในฉนวนกาซา การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ การค้ามนุษย์ รวมไปถึงเรื่องของสิทธิมนุษยชน .. ตนมีโอกาสได้พบปะและหารือระดับทวิภาคีกับคณะผู้และจากหลายประเทศ หนึ่งในนั้นคือญี่ปุ่น ไทยจึงได้ใช้โอกาสนี้ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประธานรัฐภาคีอนุสัญญาออสตาวา โดยไทยได้กล่าวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับทางฝั่งญี่ปุ่นว่ามีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดของกัมพูชา" นายสีหศักดิ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน นายสีหศักดิ์ยังได้พบกับ อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ และได้ใช้โอกาสย้ำว่าไทยต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา รวมถึงมีการหารือในประเด็นอื่น ๆ กับเลขาธิการสหประชาชาติ อาทิ สถานการณ์ในเมียนมาที่ไทยได้อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่เข้ามาในประเทศไทยและสามารถทำงานได้ ซึ่งประเด็นเกี่ยวกับเมียนมาเป็นสิ่งที่สหประชาชาติให้ความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน
นอกจากนี้ นายสีหศักดิ์กล่าวว่าได้มีโอกาสได้พบกับ ปรัก สุคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา โดยเป็นการพูดคุยในลักษณะเพื่อทำความเข้าใจต่อกัน อย่างไรก็ตาม ตลอดการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ไทยย้ำจุดยืนว่าไทยไม่ใช่ศัตรูต่อกัมพูชา ทั้งสองประเทศไม่ควรเป็นศัตรูกันซึ่งไทยยินดีที่จะเข้าสู่การเจรจา รวมถึงไทยได้ย้ำว่าหากต้องการก้าวข้ามสถานการณ์ชายแดนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันให้กลับสู่ความสัมพันธ์ที่เป็นปกติสิ่งสำคัญคือต้องมี “ความจริงใจต่อกัน” ที่จะเป็นพื้นฐานของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
ขณะ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงผลสรุปการร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติด้วย โดยนายนิกรเดชย้ำเช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศว่า การดำเนินนโยบายทางการทูตของไทยในรัฐบาลชุดนี้จะเป็นการทูตที่รอบด้าน สร้างสรรค์และอยู่ในทิศทางที่เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทย อีกทั้งไทยยังได้แสดงความพร้อมในการขยายความร่วมมือกับรัฐสมาชิกของสหประชาชาติและพร้อมนำพาประเทศไทยกลับสู่ ”จอเรดาร์โลก“ รวมถึงการเป็นรัฐสมาชิกของสหประชาชาติที่น่าเชื่อถือ
ส่วนประเด็นไทย-กัมพูชานั้น ไทยได้ใช้เวทีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติบอกความจริงที่ไม่บิดเบือนให้นานาประเทศเห็นว่าไทยมีวุฒิภาวะเพียงพอ พร้อมกับการแสดงจุดยืนว่าไทยต้องการให้ความสัมพันธ์กลับสู่ปกติ แต่จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความจริงใจของกัมพูชา อาทิ การถอนอาวุธหนัก หรือ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่ประจักษ์
นอกจากนี้บนเวทีโลก ไทยได้แสดงความผิดหวังต่อกัมพูชา กรณีใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจนทำให้มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการปล่อยข่าวปลอม หรือ เฟคนิวส์ที่สร้างความปั่นป่วนจากทางฝั่งกัมพูชา และไทยเดินหน้าและมุ่งแก้ปัญหากัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคี
ทั้งนี้ นายนิกรเดช ยังกล่าวด้วยว่าไทยได้ตั้งคำถามกับฝั่งกัมพูชาในที่ประชุมสหประชาชาติว่าต้องการเส้นทางแห่งสันติภาพที่จะดำเนินไปอย่างสันติ หรือ เส้นทางแห่งการเผชิญหน้า และย้ำอีกว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความจริงใจที่แท้จริงจากฝั่งกัมพูชาด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
