กต.เผยลงนามไทย-กัมพูชา พรุ่งนี้ย้ำความตกลงเดิม หวังสหรัฐฯ มาจะทำให้กัมพูชาจริงใจ

วันที่ 25 ต.ค.68 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
การประชุมแรกเป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการแบบขยายเรื่องเมียนมา เมื่อวานนี้ 24 ต.ค.68 นายสีหศักดิ์ ได้หารืออย่างไม่เป็นทางการ Extended Informal Consultation on the Implementation of the Five-Point Concensus ภายใต้การนำรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โดยไม่มีผู้แทนเมียนมาเข้าร่วม
ซึ่งที่ประชุมมีการหารืออย่างกว้างขวางถึงแนวทางการดำเนินการต่อสถานการณ์ในเมียนมา โดยทุกประเทศยังผลักดันการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อ และสนับสนุนการหารือที่ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการมีท่าทีร่วมของอาเซียนต่อการเลือกต้ังในเมียนมาที่จะมีขึ้นในห้วงปลายปีนี้
ขณะเดียวกันหลายประเทศรับทราบบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทย โดยเฉพาะการผลักดันเรื่องสำคัญ เช่น การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อเมียนมา เป็นวาระเร่งด่วนเพื่อช่วยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและปูพื้นฐานไปสู่การมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม
ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวทางการปรับปรุงกลไกการทำงานของผู้แทนพิเศษเรื่องเมียนมา อาทิ ขยายอาณัติผู้แทนพิเศษให้มากกว่า 1 ปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ส่วนการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-AMM นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม ซึ่งได้มีการหารือในประเด็นการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน ภายใต้วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ และธำรงไว้ซึ่งเป็นแกนกลางของอาเซียน ในฐานะกลไกหลักที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างสันติและยั่งยืน
นอกจากนี้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสถานการณ์ในเมียนมา การดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อ กระบวนการสันติภาพ และการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะเกิดขึ้นปลายปีนี้ อาเซียนยึดมั่นฉันทามติ 5 ข้อ การสนับสนุนการประสานงานผ่านกลไกอาเซียน รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือของศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและจัดการภัยพิบัติ AHA Center ส่วนการขยายบทบาทผู้แทนพิเศษอาเซียน Special Envoy หลายประเทศสนับสนุนในหลักการ แต่จะหารือต่อไป โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงประเทศสนับสนุนบทบาทผู้แทนพิเศษ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นทรอยก้าและคุณสมบัติของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งนี้
ส่วนความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนย้ำความสำคัญของความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำเนินความร่วมมือกับหุ้นส่วนภายนอก ผ่านกลไกต่างๆที่อาเซียนริเริ่ม ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหารือถึงคำขอสมัครเป็นอัครภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) และอาเซียนยังได้ต้อนรับติมอร์-เลสเต เป็นสมาชิกใหม่ของอาเซียน
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำว่าอาเซียนเสริมสร้างเอกภาพ เป็นแกนกลางของอาเซียนโดยยึดมั่นในระเบียบที่ตั้งอยู่ในกติกา ตามแนวทางสนธิสัญญามิตรภาพ TAC ซึ่งคุณค่าของ TAC ยังคงเป็นแกนสำคัญ เป็นหัวใจของความเป็นแกนกลางของอาเซียน
สำหรับการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้เน้นย้ำ 4 ประเด็นหลัก คือ
1.ความสำคัญในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
2.ผลักดันการหารือระหว่างกลุ่มต่างๆอย่างครอบคลุม เพื่อให้การเลือกตั้งมีความเสรีและโปร่งใสมากที่สุด และมีการหารืออย่างต่อเนื่องไปจนถึงหลังการเลือกตั้งสิ้นสุด
3.การส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์ทั้งภายในอาเซียนและกับประเทศคู่เจรจาภายนอก
เสริมสร้างประสิทธิภาพและความต่อเนื่องให้ผู้แทนพิเศษเรื่องเมียนมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการลงนามในคำประกาศที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า จะยังคงมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ 26 ต.ค.68 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย จะเดินทางมาร่วมลงนามด้วยตนเอง แต่เนื่องจากมีภารกิจต้องกลับไปร่วมงานพระราชพิธีฯ จึงได้ขอเลื่อนเวลาในการลงนามมาในช่วงเที่ยง
"การลงนามพรุ่งนี้ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตามที่ได้เรียนไปแล้วว่า เรากำลังดูกำหนดการของนายกรัฐมนตรี ที่จะมาถึงให้ทัน ต้องเลื่อนเวลาขึ้นจากเดิมในช่วงบ่าย เพราะนายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะกลับไปงานพระราชพิธี จึงขอหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ มาเลเซีย และกัมพูชา เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามแล้วเดินทางกลับในทันที โดยฝ่ายกัมพูชายินดีจะเข้าร่วมในช่วงเที่ยง แต่ยังรอการยืนยันจากสหรัฐฯและมาเลเซีย เมื่อทราบแล้วจะแจ้งให้สื่อมวลชนรับทราบในทันที"
นายนิกรเดช กล่าวย้ำว่าการหารือเรื่องนี้ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เพราะก่อนจะมีการประชุมครั้งนี้ ไทยและกัมพูชามีการประชุม JBC-GBC ได้หารือข้อตกลง 4 ข้อของฝ่ายไทยที่เสนอไปยังกัมพูชา ทั้งการถอนอาวุธหนัก การกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ และการจัดระเบียบชายแดน ซึ่งทั้ง 4 เรื่องได้เริ่มแล้ว
"การลงนามวันพรุ่งนี้ จึงไม่ได้มีอะไรใหม่ เป็นการย้ำความตกลงเรื่องเดิม เพราะก่อนการประชุมมีการละเมิดข้อตกลงเกิดขึ้น ไทยหวังว่าการมีสหรัฐฯ มาร่วมสังเกตการณ์จะทำให้ฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจ ตั้งใจจริง มีสปริตของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และยังไม่ใช่ข้อตกลงสันติภาพ" นายนิกรเดช กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ สื่อมวลชนต่างชาติให้ความสนใจในการสอบถามถึงประเด็นปัญหาไทยและกัมพูชาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลจากการลงนามความร่วมมือในการสร้างสันติภาพครั้งนี้จะนำไปสู่การฟื้นความสัมพันธ์ไทยและกัมพูชาได้หรือไม่ ซึ่งโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเชื่อว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องมีการปฏิบัติให้เกิดขึ้นได้ก่อน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
