รีเซต

โรงไฟฟ้าจ่อฟื้นไตรมาส4 เจาะGULF-BGRIM

โรงไฟฟ้าจ่อฟื้นไตรมาส4 เจาะGULF-BGRIM
ทันหุ้น
1 พฤศจิกายน 2565 ( 06:49 )
204

#โรงไฟฟ้า #ทันหุ้น - จังหวะสะสมหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามองปัจจัยลบคลี่คลาย ราคาก๊าซธรรมชาติผ่านจุดพีค คาดผลงานไตรมาส 4/2565ฟื้นตัว ระยะยาวยังเติบโตได้ดี ขยายกำลังการผลิตหนุน BGRIM มีโครงการเจรจากว่า 1 กิกะวัตต์ ให้เป้าหมาย 40 บาท ส่วน GULF รับรู้รายได้จากโครงการใหม่ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 50 บาท

 

นายพูนพัทธ์ ไชยคำหาญ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์สถาบัน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2565ของกลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน จากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ถึงจุดพีคในช่วงไตรมาส 3/2565โดยราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นมาที่ 550บาทต่อmmBTU เชื่อว่าจากนี้จะไม่ปรับขึ้นไปสูงกว่าระดับดังกล่าวแล้ว ขณะที่ภาครัฐได้มีการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ เอฟที สูงขึ้น จึงคาดว่าไตรมาส 4จะดีขึ้น ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทน ไม่ได้รับผลกระทบอะไร และยังได้รับประโยชน์จากการทยอยปรับขึ้นค่าเอฟทีตลอดทั้งปี

 

“โดยรวมระยะสั้นอาจจะยังต้องติดตามเรื่องราคาก๊าซธรรมชาติ แต่ระยะยาวกลุ่มโรงไฟฟ้ายังเติบโตได้ดี จากการขยายกำลังการผลิตใหม่ๆ ที่จะเน้นการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนมากขึ้น มีโอกาสที่จะเห็น การขายคาร์บอนเครดิตในอนาคตด้วยต่อไป”

 

@ GULF ผลิตไฟฟ้าเพิ่ม

 

สำหรับผลประกอบการของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ไตรมาส 3/2565 คาดกำไรปกติทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.3พันล้านบาท แต่จะลดลง 25% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีต้นทุนก๊าซกดดัน โดยราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นมาที่ 550บาทต่อmmBTU เพิ่มขึ้น 105%จากช่วงเดียวกันปี และ 30% จากไตรมาสก่อนหน้า

 

ขณะที่ค่าไฟฐานปรับด้วยค่าเอฟทีปรับขึ้นเพียง 30% จากช่วงเดียวกันปี และ 17%จากไตรมาสก่อนหน้า กดดัน GPM โดยรวมลงมาที่ 16% เป็นปัจจัยหลัก หักล้างผลบวกจากการรับรู้รายได้จากโครงการ IPP ใหม่ระหว่างปี 2 ยูนิต รวม 938เมกะวัตต์ ( ไตรมาส 4/64 -ไตรมาส 1/65 ), รับรู้รายได้ JV กับ GUNKUL 85 เมกะวัตต์ (ไตรมาส 3/65 ), และผลประกอบการของโครงการ BKR2 ซึ่งฟื้นตัวได้หลังผ่าน Low Season ในไตรมาสก่อน

 

ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลงมาที่ 1.1พันล้านบาท (+24% YoY) ลดลงจากประมาณการเดิม -22%สะท้อนราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งคาดว่าช่วงปลายปีจะอยู่ราว 550บาทต่อmmBTU  ในขณะที่ค่าเอฟทีไม่มีการปรับอีกแล้วในปีนี้ ส่วนกำไรปกติปี 2566 ปรับขึ้นมาที่ 1.5หมื่นล้านบาท (+40% YoY) เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม +2%ปัจจัยลบจากค่าก๊าซระดับสูง (สมมติฐานเฉลี่ยปี 2023E ที่ 550 บาทต่อmmBTU และเอฟทีทยอยปรับขึ้นตลอดทั้งปี 23 สต./หน่วย) ถูกชดเชยจากการรับรู้รายได้จากโครงการใหม่โรงไฟฟ้า Jackson Generation 600เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ปลายปี 2565ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 50.00 บาท (เดิม 47.00บาท)

 

@BGRIM ไตรมาส 4 ฟื้นตัว

 

ขณะที่ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ไตรมาส 3/2565ผลประกอบการขาดทุน จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่กดดันหนัก ประเมินผลประกอบการสุทธิ ไตรมาส 3/2565 ขาดทุน -906 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษ Fx Loss หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าออก ผลประกอบการปกติขาดทุน -56 ล้านบาท จากกำไร 571ล้านบาท ไตรมาส 3/2564, และกำไร 147ล้านบาท ไตรมาส 2/2565 สาเหตุหลักจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นสูง 105%จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 29% จากไตรมาสก่อนหน้า  ในขณะที่ค่าไฟฐานปรับด้วยค่าเอฟที ปรับขึ้นเพียง เติบโต 30%จากช่วงเดียวกันปีก่อน, เติบโต 17%จากไตรมาสก่อนหน้า (และการปรับค่า เอฟที งวดก.ย.-ธ.ค. 2565 ขึ้น 0.6866บาทต่อหน่วย เข้ามาบรรเทาใน ไตรมาส 3/65 ได้เพียง 1เดือนเท่านั้น) ส่งผลให้ GPM ลดลงมาที่ 8.3% ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565-2566 ลงมาที่ 362ล้านบาท (-85% YoY) และ 1.3 พันล้านบาท (+245% YoY) ลดลงจากประมาณการเดิม -55% และ -30%ตามลำดับ สะท้อนราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งคาดว่าช่วงปลายปีจะอยู่ราว 550บาทต่อmmBTU

 

ในขณะที่ค่า เอฟที ไม่มีการปรับอีกแล้วในปีนี้ ส่วนปี 2566 ใช้สมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ 550บาทต่อmmBTU (ระดับเดียวกับ ครึ่งปีหลัง 65 ) และ เอฟที ทยอยปรับขึ้นตลอดทั้งปี 23 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนแนวโน้ม ไตรมาส 4/2565 ผลประกอบการสามารถฟื้นตัวได้หากค่าก๊าซธรรมชาติไม่อยู่สูงกว่า 550บาทต่อmmBTU ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 40.00บาท (เดิม 45.00 บาท) อิง DCF (WACC 5.0%, TG 0.0%) เพื่อสะท้อนประมาณการใหม่ ทั้งนี้ Key Catalyst คือโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจากว่า 1 พันเมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในช่วง ครึ่งปีหลัง 2566

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง