ภาคอีสานมีภูมิปัญญามากมายให้เรียนรู้ไม่จบสิ้น ออกเดินทาง หรือสอบถามเป็นข้อมูลความรู้ไม่มีจบ ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นภูมิปัญญาที่อิงกับธรรมชาติ ชีวิตความเป็นอยู่ และการหาอยู่ หากินในแต่ละวัน ผมเด็กอีสานคนหนึ่งที่ภูมิใจในบ้านเกิดของตนเองมาก ๆ ครับ ล้อมรอบชุมชนที่ผมอยู่ล้วนเต็มไปด้วยป่าไม้ และต้นยางนา ที่สูงใหญ่ มั่นคง และแข็งแรง กระทั่งได้ตั้งชื่อชุมชนแห่งนี้ว่า “บ้านยางขี้นก” ช่วงสายวันหนึ่งหลังจากกักตัวเรียบร้อย อาการดีขึ้น ผมขับรถเล่นในป่าท้ายหมู่บ้าน เมื่อพบกับอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ของชาวอีสานขนาดใหญ่ จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบมาเขียนบอกเล่า ก่อนเรื่องเหล่านี้จะหายไปภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ ไม่ใช่แปรรูปเป็นโต๊ะ หรือสินค้าอะไรหรอกครับ แต่แปรรูปเป็น “ถ่าน” ท่อนไม้ก้อนสีดำ ๆ ที่ใช้หุงต้ม ย่าง ในเตาถ่านแหละครับ จริง ๆ ยังมีคนไม่เข้าใจว่า “ถ่าน” กับ “ฟืน” ต่างกันยังไง? ผมขออธิบายง่าย ๆ นะครับ ว่า “ฟืน” คือ ไม้แห้งที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการเข้าเตาเผา เป็นแท่งสีดำที่ใช้หุงต้ม เวลาตั้งหม้อใส่ฟืนมักทำให้ก้นหม้อติดสีดำ คนจึงไม่นิยมใช้ฟืนในการประกอบอาหาร ส่วน “ถ่าน” จะผ่านการเผาในเตาเผาถ่าน เป็นแท่งสีดำ เวลาตั้งหม้อใส่ถ่านจะเป็นมีความร้อนเป็นก้อนสีแดง ไม่มีควัน ทำให้เวลาประกอบอาหารไม่ติดสีดำ หรือ “ขี้หินหม้อ” ในภาษาอีสานภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีการสร้างเตาถ่านของชาวอีสาน จะต้องอาศัยช่างที่ชำนาญ โดยขั้นแรกก็ใช้ไม้ท่อนใหญ่ ๆ ก่อเป็นรูปร่างครึ่งวงกลม ยัดไม้เล็ก ๆ ตามช่องที่เห็นว่ายังไม่เป็นทรงกลม โดยจะขีดทางไฟเป็น 4 ทาง มีช่องตรงกลางที่ยาวไปถึงด้านนอกเพื่อจุดไฟ เรียกว่า “แปวใหญ่” ส่วนรูทั้ง 4 รูจากทางไฟ เรียกว่า “แปวน้อย” จากนั้นก็จะใช้ “ดินโพน” ผสมกับ “ฟาง” “แกลบ” เทครอบเตาถ่าน จากนั้นก็ปล่อยให้แห้งประมาณ 1 วัน แล้วจึงใช้ “ไฟอูด” คือ นำใบไม้ ฟืนเล็ก ๆ เผาให้เกิดควันเยอะ ๆ ทำให้ดินด้านในของผนังเตาเผาแห้ง จากนั้นจึงเริ่มใช้ฟืนท่อนใหญ่ “จู๋” หรือภาษากลางก็คือ เผาใส่ด้านในแปวใหญ่ ห้ามขาดไฟแม้สักระยะเดียวภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีกระบวนการสำคัญของการวางระบบเตาเผาถ่านอีสาน ก็คือ ปากแปวใหญ่ ต้องอยู่ทิศทางเดียวกันกับลม ต้องไปดูทุกระยะเพื่อไม่ให้ไฟดับ เมื่อเตาถ่านด้านในติดแล้ว (ไม้ในเตาเผาถ่านเริ่มติดไฟ) ควันจะเป็นสีขาว จากปากแปวน้อยระยะนี้ต้องติดตามดูไม่ให้ขาด 1 ชั่วโมงดู 1 ครั้ง หากไม่มีควันไฟจากปากแปวน้อย ก็ถือว่าฟืนในเตาติดไฟหมดแล้ว และกำลังได้ที่ให้เอาดินปิดปากแปวทั้งหมด จากนั้นรอให้เตาเผาถ่านเย็น ให้ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ จึงค่อยไปเอาถ่านออกมาจากเตา เพียงเท่านี้ก็เสร็จกระบวนการครับภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีการสร้างเตาถ่านโดยส่วนมาก ชาวอีสานจะทำในป่า ซึ่งไกลจาหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งอขงเหตุผลคงมาจากเพื่อไม่ให้ควันไฟเข้าไปในหมู่บ้าน สร้างความรำคาญให้เกิดขึ้น และอีกปัจจัยที่มักทำป่าทึบ จะพบว่าใบไม้ในป่าใหญ่จะช่วยกักควันไม่ให้ลอยไปไกล ในแง่หนึ่งของระบบนิเวศน์ผมมองว่าเพราะพื้นที่เหล่านี้จะช่วยในการลดมลพิษจากเตาถ่านไปในตัวได้ด้วย ไม่ต้องทำลายธรรมชาติ เพราะเลือกต้นไม้ที่ไม่ได้ตัดหมดทั้งป่า แต่จะเลือกออกมาเพียงส่วนหนึ่งทำให้ป่าไม่ได้หายไปจากชุมชนภาพถ่ายโดย ภาณุพงศ์ ธงศรีครั้งต่อไปก็ไม่ต้องทำเตาเผาถ่านอีก เพราะสามารถใช้เตาได้ประมาณ 10 ปี เวลาที่เตามีรอยแตก ก็ต้องเอาดินไปปิดให้หมด เพื่อไม่ให้เตาไฟแตก เป็นการดูแลรักษาให้ใช้ได้นานครับ กระบวนการเหล่านี้เห็นได้ทั่วไปในภาคอีสาน แต่เรื่องของภูมิปัญญา หรือเทคนิคต่าง ๆ ผมได้รับคำแนะนำจากคุณพ่อ เป็นแนวทางหนึ่งที่นิยมในจังหวัดอุบลราชธานี ที่น่าสนใจมากครับ แต่ในปัจจุบันเรื่องของการทำเตาเผาถ่านเริ่มน้อยลง และคนไม่ได้ให้ความสำคัญ อีกทั้งนโยบายบางอย่างที่ทำให้การเผาถ่านมีความผิดในเรื่องของการทำลายป่า ทำให้เตาเผาถ่านอีสานกำลังจะหายไปจากชุมชนภาพถ่ายหน้าปกโดย ภาณุพงศ์ ธงศรี