รีเซต

ที่สิงคโปร์ทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีคือผู้บริจาคอวัยวะโดยอัตโนมัติ

ที่สิงคโปร์ทุกคนที่อายุเกิน 21 ปีคือผู้บริจาคอวัยวะโดยอัตโนมัติ
TNN ช่อง16
17 ตุลาคม 2568 ( 14:52 )
11

การบริจาคอวัยวะที่ประเทศไทยเป็นสิทธิและความต้องการของตัวผู้บริจาคที่ต้องแสดงเจตจำนงค์ แต่สำหรับที่สิงคโปร์ ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตามกฎหมาย พลเมืองสิงค์โปร์ เมื่ออายุ ถึง 21 ปี ก็ถือว่าเป็นผู้บริจาคโดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ยื่นถอนตัว

กฎหมายการบริจาคอวัยวะของสิงคโปร์

สิงคโปร์ เป็นประเทศเดียวในเอเชีย ที่นำระบบ “presumed consent” หรือ “การยินยอมโดยปริยาย” มาใช้ในการบริจาคอวัยวะหลังเสียชีวิต 

โดยผ่านการบังคับใช้พระราชบัญญัติ Human Organ Transplant Act  หรือ HOTA ตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งถือเป็นโมเดลที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากหลายประเทศที่ใช้ระบบ “opt-in” หรือการยินยอมโดยสมัครใจ

ภายใต้ HOTA บุคคลที่เป็นพลเมืองสิงคโปร์หรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป จะถือว่าเป็นผู้ยินยอมในการบริจาคอวัยวะบางชนิดโดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะได้ลงทะเบียนยกเว้นความยินยอมไว้ก่อน (opt-out) การบังคับใช้กฎหมายนี้ทำให้จำนวนผู้ที่ถือว่าเป็นผู้บริจาคที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยไม่ต้องรอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นเป็นรายกรณี

HOTA ครอบคลุมอวัยวะหลัก เช่น ไต ตับ หัวใจ และกระจกตา ซึ่งถูกนำไปใช้ในการปลูกถ่ายสำหรับผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะเหล่านี้ การดำเนินการตาม HOTA มีขั้นตอนที่ชัดเจน โดยเมื่อพบผู้เสียชีวิตหรือผู้ที่สมองตายที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะประเมินความเหมาะสมทางการแพทย์และตรวจสอบข้อยกเว้น เช่น ภาวะสุขภาพบางอย่างหรือผู้ที่ได้ยื่นถอนความยินยอมไว้ หลังจากนั้นหน่วยงานจัดสรรอวัยวะจะประเมินความสามารถในการนำอวัยวะไปปลูกถ่าย แม้ HOTA จะถือว่าผู้เสียชีวิตให้ความยินยอมโดยอัตโนมัติ แต่ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่มักยังประสานงานและชี้แจงกับครอบครัว เพื่อให้กระบวนการบริจาคดำเนินไปอย่างราบรื่นและลดความขัดแย้งด้านจริยธรรม

หวังช่วยเหลือผู้รอบริจาคอวัยวะ แก้ปัญหาอวัยวะขาดแคลน

รัฐบาลสิงคโปร์ ชี้ว่า กฎหมายนี้จะช่วยสร้างฐานผู้บริจาคที่ใหญ่ขึ้นและลดขั้นตอนการขอความยินยอมจากศูนย์กลางในบางกรณี เพื่อให้การบริจาคอวัยวะต่อชีวิตผู้ป่วยเป็นไปอย่างราบรื่น และแก้ปัญหาอวัยวะขาดแคลน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ร่วมกันของคนทั่วโลก

นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดการเชิงระบบมีความชัดเจนและเป็นระเบียบ แต่การยอมรับจากครอบครัวยังคงมีบทบาทสำคัญในทางปฏิบัติ เนื่องจากความไว้วางใจและความเข้าใจของสาธารณชนมีผลต่อความสำเร็จของการบริจาค การบังคับใช้ HOTA จึงต้องผสมผสานระหว่างกฎหมาย การสื่อสารกับครอบครัว และความเคารพต่อความเชื่อทางวัฒนธรรมหรือศาสนา

แก้ไขปัญหาได้มากน้อยแค่ไหน

ข้อมูลล่าสุดของปี 2568 จากหน่วยงานสนับสนุนการบริจาคอวัยวะสิงคโปร์ ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยมากกว่า 500 คนในสิงคโปร์ ที่ยังนอนรอคิวปลูกถ่ายอวัยวะ

แม้ว่ากฎหมาย presumed consent จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้บริจาคที่เป็นไปได้ แต่การประสบความสำเร็จในการบริจาคอวัยวะจริง ๆ ยังขึ้นกับโครงสร้างระบบสาธารณสุข ทีม ICU และทีมประสานงานบริจาคอวัยวะ การรณรงค์สร้างความเข้าใจและการสื่อสารกับครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการบริจาคอวัยวะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสม 

HOTA ของสิงคโปร์จึงถือเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างกฎหมาย การแพทย์ และจริยธรรม ที่ทำให้ระบบบริจาคอวัยวะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับประเทศ

ประเทศไทยใช้ระบบสมัครใจ 

ต่างกันกับของประเทศไทยที่ใช้ระบบสมัครใจ ซึ่งเหมาะสมกับบริบทและแนวคิดทางสังคมในประเทศมากกว่า 

การบริจาคอวัยวะในประเทศไทย ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคอวัยวะต้อง แสดงความประสงค์ด้วยตนเอง ผ่านการลงทะเบียนกับศูนย์บริจาคอวัยวะ เช่น สภากาชาดไทย หรือแสดงเจตนาเป็นลายลักษณ์อักษร

การบริจาคอวัยวะจึงเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้บริจาคหรือญาติของผู้เสียชีวิตให้ความยินยอม โดยเฉพาะในกรณีผู้เสียชีวิตที่เป็นสมองตาย ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจว่าผู้เสียชีวิตจะสามารถบริจาคอวัยวะได้หรือไม่ แม้ว่าผู้เสียชีวิตจะเคยลงทะเบียนเป็นผู้บริจาคไว้ก่อนแล้วก็ตาม


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง