SGPราคาแอลพีจีขาขึ้น ไฮซีซัน-ดีมานด์จีนหนุน
ทันหุ้น – SGP รับอานิสงส์ราคา LPG ครึ่งปีหลัง 2564 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หนุนรายได้โตแกร่ง ขณะที่จีนเกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานและเข้าสู่ฤดูหนาว หนุนความต้องการใช้เร่งตัวสูงขึ้น ด้านยอดขายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามมาตรการผ่อนคลายภาครัฐ และเข้าไฮซีซัน
นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารเงิน บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP กล่าวว่า ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เฉลี่ยในช่วงไตรมาส 3/2564 ที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 3/2563 ที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และถือเป็นการเร่งตัวจากช่วงต้นปี (YTD) ถึง 137.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และสูงกว่าช่วงไตรมาส 3/2563 ที่เร่งตัวขึ้นเพียง 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
พร้อมกันนี้คาดการณ์ราคาก๊าซ LPG เฉลี่ยช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะอยู่ที่ 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นการเร่งตัวขึ้นตามราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าทั่วโลก จนส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในจีน ถือเป็นปัจจัยหนุนให้ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2564 ของกลุ่มบริษัทเร่งตัวขึ้นในระดับสูงตามมา
*ยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้น
ประกอบกับช่วงไตรมาส 4/2564 ประเทศจีนเข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงปัญหาการขาดแคลนพลังงานจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการพลังงานในจีนให้เร่งตัวสูงขึ้น กลุ่มบริษัทจึงเตรียมความพร้อมในการส่งก๊าซเข้าไปเติมในคลังก๊าซ 3 แห่งทางตอนใต้ของจีนให้เพียงพอต่อความต้องการ
ขณะที่ยอดขายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามมาตรการผ่อนคลายภาครัฐ และการเข้าสู่ช่วงเทศกาล ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้รายได้งวดไตรมาส 4/2564 แตะระดับสูงสุดของปี หนุนให้รายได้รวมทั้งปี 2564 แตะระดับ 7 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศประมาณ 80% และรายได้ในประเทศ 20%
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทมีฐานลูกค้ากระจายในภูมิภาคเอเชีย อาทิ เวียดนาม, สิงคโปร์, มาเลเซีย เป็นต้น อีกทั้งยังรุกขยายฐานเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการขยายธุรกิจในส่วนของก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มเติม เนื่องจากมองเป็นโอกาสในการขยายฐานและช่องทางสร้างรายได้ให้กับธุรกิจในอนาคต ซึ่งเชื่อน่าจะได้เห็นความชัดเจนในปี 2565
*ครึ่งหลังเข้าไฮซีซัน
นายภควัต พิสุทธิพันธุ์ ผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจหลักทรัพย์ ลูกค้ารายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอสซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หุ้น SGP ได้รับปัจจัยหนุน (Sentiment) ราคา Argus Propane Saudi Aramco ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของก๊าซ LPG ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคมปรับเพิ่มสูงขึ้นมาที่ 794.3-814.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ประกอบกับความต้องการ (Demand) ที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
ฝ่ายวิเคราะห์คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับทั้งไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ), และเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YoY) ปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู้ช่วง High Season ของธุรกิจ โดยเฉพาะออเดอร์จากจีน, เวียดนาม และสิงคโปร์ รวมไปถึงยังมีปัจจัยบวกจากราคาก๊าซ LPG ในต่างประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว
*ดีมานด์ใช้แก๊สเพิ่ม
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยสนับสนุนจากยอดขายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น หลังภาครัฐมีการประกาศผ่อนคลายมาตรการภาครัฐ (Lockdown) ให้กิจการต่างๆ โดยเฉพาะร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้ากลับมาเปิดกิจการได้ ทำให้มีความต้องการใช้แก๊สเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทคาดว่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 3.73 ล้านตัน (+15% YoY)
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าในเมียนมา จำนวน 2 โครงการ ยังไม่มีประเด็นที่ต้องกังวล เนื่องจากยังสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติและไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทยังมีปัจจัยเร่ง (Catalyst) ที่สำคัญต่อราคาหุ้นมาจากแผนการขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเร็วนี้ โดยกราฟราคาหุ้นมีแนวรับ 14.40 บาท แนวต้าน 15.40/16.10 บาท (Stop Loss ถ้าหลุด 13.70 บาท)